วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

PC กับ Server ต่างกันตรงไหน ????

Alert ต่างๆ : อันนี้ต้องบอกว่า PC นั้นไม่มี และ Server ประกอบก็ไม่มีเช่นกัน เทคโนโลยี่ Server นั้นก้าวไกลมาก ถึงขนาดที่ Server บางรุ่น สามารถบอกให้คุณได้รู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำว่าอุปกรณ์กำลังจะเสีย เสียชิ้นไหน เสียตัวที่เท่าไร ลองนึกภาพ หากคุณใส่ Memory ไปทั้งหมด 8 แถว แล้วเกิด Memory เสีย สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ถอดออกทีละแถว แล้วรันดูว่าอันไหนเสีย แต่เทคโนโลยี่ Server บางยี่ห้อ สามารถกดปุ่มใน board แล้วขึ้นไฟบอกได้เลยว่า Memory แถวไหนเสีย หรือหาก Harddisk กำลังเสีย วิ่งด้วยความเร็วผิด Speed ก็จะแจ้งเตือนที่หน้าเครื่องว่ากำลังจะเสีย สิ่งนี้คุณจะไม่พบได้เลยใน PC หรือแม้กระทั้ง Server ประกอบ

Mainboard
: จริงๆแล้ว Mainboard เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ ชื่อก็บอกอยู่ล่ะว่า Main ถามต่อไปว่าต่างกันขนาดนั้น คงต่างกันที่สถาปัตยกรรม Board Server ถูกออกแบบมาให้รันได้ตลอด 24 ชม แต่ PC ไม่ใช่อย่างนั้น ส่วน Slot ต่างๆก็จะแตกต่างกัน Server โดยส่วนใหญ่จะ Onboard พวกการ์ดจอ และก็เช่นกัน มักไม่มี Sound Card ทั้งที่เพราะส่วนใหญ่นำ Server ไว้ share file รัน application เลยไม่ค่อยฟังเสียงกัน คนที่ใช้งาน multimedia มากๆมักจะใช้ workstation มากกว่า Server สำหรับความแตกต่างด้านราคานั้น ผมเคยซื้อตัวประกอบ Mainboard PC จะอยู่ที่ 1,500 - 3,000 แต่ถ้า Server ราคามักจะเริ่มต้นที่ 10,000 บาทสำหรับ Mainboard นี่คือพวก Server ประกอบนะครับ แต่เดี๋ยวนี้ Brand name ก็ถูกกว่าประกอบได้

Power Supply : Power Supply นั้นเป็นส่วนสำคัญ ป็นระบบจ่ายไฟของทั้งระบบ สำหรับตัวนี้นั้นสำหรับ Server ก็เช่นกัน ถูกออกแบบมาให้เปิดใช้งานได้ตลอด 24 ชม เท่าที่ผมเคยซื้อ มันตัวนึงก็ 5 พันกว่าบาทได้ นี่แบบถูกๆเลยนะ แต่เราจะเห็นว่า Power Supply PC มันลูกละ 150 บาทได้มั้ง เห็นว่ามันต่างกัน แล้วผมเคยมีประสบการณ์ บางคนใช้ PC แล้ว Power Supply ไหม้ ส่งผลถึงข้อมูลระบบ มันละลายลงไปโดน mainboard ทำให้ harddisk พังข้อมูลพัง จบเลยงานนี้ ดังนั้นท่านต้องคิดแล้วล่ะว่าข้อมูลท่านสำคัญมากน้อยแค่ไหน อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับ Server นั้นมีหลายรุ่นที่มี Reduntdant Power Supply นั้นคือ มันมี Power Supply 2 ตัวในเครื่องเดียว ป้องกัน Power Supply พัง แล้วยังเป็น Hot swap ด้วย นั้นคืออันไหนพังเราก็ดึงออกได้เลย โดยไม่ต้องปิดเครื่อง แล้วเสียบเข้าได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องเช่นกัน ก็จะไม่มี Downtime เลยว่างั้น

CPU : CPU นั้นต่างกันแน่นอน แต่ก็มี CPU ที่ไม่ต่างกันคือพวก CPU ตระกูล Pentium ทั้งหลาย บน Server กับ PC นั้นไม่ต่างกัน แต่สำหรับ Server เองที่อยู่ในระดับสูงนิดนึงก็จะมี XEON Processor เป็น Server ที่สำหรับ Server ใส่ได้ตั้งแต่ 2 ตัว 4 ตัว 8 ตัว 16 ตัว แล้วแต่ Mainboard จะเห็นว่าหากคุณรันงานหนักๆ คงไม่มีทางที่จะเอา CPU Pentium เพียงตัวเดียวมาทำงาน งานบางงานระดับ Software House ก็ใช้ Server ตัวนึงเป็นล้านๆ แต่ถามว่าแม้เป็นล้าน มันก็ทำงานได้หลายล้านเช่นกัน สรุปคือ CPU มีจำนวนที่ใส่ได้มากกว่า แล้วสามารถรองรับ Application ที่รันหนักๆได้อย่างดี

Memory : บางคนอาจจะ โห มันต่างกันด้วยเหรอ ต่างครับ Server จะใช้ Memory ที่เรียกว่า ECC Memory จะเป็น Memory ที่มีระบบป้องกันการส่งข้อมูลผิดพลาด อีกทั้ง Memory สำหรับบางยี่ห้อที่เป็น Chipkll คือเป็นเหมือน Mirror Memory เลยทีเดียว คือ หากคุณมี Memory 4 แถว เกิดพังไป 1 แถว ถ้าเป็น PC รันไปถึง Memory ตัวนั้นก็คงแฮงไปเลย แต่ Server ไม่พังคับ ก็ยังรันต่อไปได้ โดยไม่มีสะดุด

Hard Drive : หรือ Harddisk นั้นแหละ ทำไมต่างกันนั้นเหรอ สำหรับ PC เราคงรู้จัก IDE กัน แล้วก็เดี๋ยวนี้คงเป็น Serial ATA (SATA) มาแทน IDE แต่สำหรับ Server นั้นจะสามารถใช้งาน SCSI ได้ ซึ่งเป็น Harddisk ที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ แล้วยังมีเทคโนโลยี่ใหม่เรียกว่า SAS (แซด) ฟังดูเศร้าๆ แต่ก็เป็นเทคโนโลยี่ของ SCSI ใหม่ที่ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นไปอีก

RAID Controller : RAID หลายคนอาจจะฟังแล้วไม่คุ้น บางคนก็คงคุ้นเคย ใน PC นั้นไม่มี RAID แน่นอนทำให้เลยไม่คุ้นสักเท่าไร แต่ใน Server นั้น RAID มีความสำคัญมาก ถ้าพูดถึงข้อมูลแล้ว เราคงให้ความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นเลยมีเทคโนโลยี่ RAID เพื่อช่วยป้องกัน Harddisk พัง ซึ่งจะทำให้มี Harddisk ที่พร้อมทำงานแทนตลอดเวลาเมื่อลูกใดลูกหนึ่งพัง ก็ไม่ต้องมานั่งกู้ข้อมูล Restore กันให้วุ่นวาย รวมถึง RAID ยังสามารถทำให้ประสิทธิภาพในการเรียกใช้งาน Harddisk ทำได้เร็วขึ้นด้วย ก็มีเช่นกัน ดังนั้นทำให้หลายองค์กรก็เลือกใช้ RAID เพื่อป้องกันข้อมูลที่สำคัญของตนเอง ไว้ผมจะเขียนเรื่อง RAID ให้ว่าแต่ละ RAID ต่างกันอย่างไรมันมีตั้งแต่ RAID 0,1,5,0+1,10 สารพัด RAID

ทิปนี้คัดลอกมาจาก : www.2beshop.com

ลบไฟล์ขยะ หลังจากเลิกเล่นเน็ต ช่วยลดปัญหาไวรัสได้

เวลาเราเข้าเว็บไซต์ต่างๆ โปรแกรม IE ก็จะทำการ download ข้อมูลมาเก็บไว้ในเครื่องของเราก่อน จากนั้นถ้าเราเลิกเล่น ไฟล์เหล่านี้ก็จะค้างในเครื่องของเรา นอกจากปัญหาไฟล์ในเครื่องที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เนื้อที่ใน harddisk ของเราไม่เพียงพอแล้ว อาจมีไวรัสแอบแฝงเข้ามาในเครื่องคอมฯ ของเราได้ด้วย ดังนั้นวิธีการจัดการอย่างหนึ่งที่ง่ายก็คือ กำหนดให้โปรแกรม IE ลบไฟล์ขยะเหล่านี้อัตโนม้ติทุกครั้งที่ปิดโปรแกรม สำหรับขั้นตอนก็สั้นๆ ครับ เพียงทำตามรายละเอียดข้างล่างนี้

วิธีกำหนดให้ลบไฟล์ขยะจากอินเตอร์เน็ตแบบอัตโนมัติ
1. คลิกเมนู Tools
2. เลือกคำสั่ง Internet Options
3. คลิกเลือกแท็ป Advanced
4. เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Security
5. จากนั้น คลิกหัวข้อ Empty Temporaly Internet Files Folder when browser is closed


6. กดปุ่ม Apply อีกครั้งเพื่อยืนยัน
7. แล้วนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม:: ส่วนดีของการที่โปรแกรม IE มีการ download ไฟล์มาเก็บไว้ในเครื่องของเรา ทำให้การใช้งานในครั้งต่อไป สามารถเปิดดูรายละเอียดในเว็บนั้นๆได้เร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการ download ซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบผลดี ผลเสียกันเอาเองน่ะครับ แต่ถ้าให้ผมฟันธงเลย ขอตอบว่าลบไปเลยดีกว่าครับ..

ทิปจาก : http://www.it-guides.com/

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

5 วิธีกันคลิป (ฉาว) หลุด รับรองผล 1000%

ปัจจุบันมีโปรแกรมสำหรับการกู้ไฟล์ให้โหลดมาใช้อยู่เยอะแยะเต็มไปหมดในอินเทอร์เน็ต (อาทิ PC Inspector File Recovery: http://www.pcinspector.de/) ซึ่งวิธีการก็ใช้งานง่าย (นายเกาเหลาเคยแนะนำวิธีไปแล้ว) จะว่าไปผู้ผลิตโปรแกรมเขาก็มีความประสงค์ดีที่จะผลิตโปรแกรมเพื่อช่วยคนเดือดร้อนที่เผลอลบข้อมูลไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็อย่างว่าแหละ สังคมโลกมักมีพวกหัวหมอเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นายเกาเหลาเลยขอแนะนำ 5 วิธีป้องกันคลิป (ฉาว) หลุด งานนี้นายเกาเหลาขอออกแรงรับรองผล 1000% เลยครับ

วิธีที่ 1
ไม่นำรูปหรือคลิป (ที่ไม่เหมาะสม) ของตัวเองไปโพสในเว็บสาธารณะ อาทิ hi5 เพราะภาพที่แสดงบนหน้าจอทุกภาพเราสามารถคลิกขวาแล้วเลือก Save Picture As เก็บไว้ดูเล่น และถึงแม้มีเว็บไซต์บางแห่งบอกกับคุณว่ามีระบบป้องกันการ ก๊อบปี้รูป เช่นห้ามคลิกขวา แต่ก็อย่างที่เราทราบว่าเมื่อมีคน (ป้อง) กัน ก็ต้องมีคนแก้ เพราะเดี๋ยวนี้มีโปรแกรมสำหรับจับภาพที่แสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่าง SnagIt (http://www.techsmith.com/) ที่สามารถเก็บทุกรายละเอียดทั้งแบบภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว นั่นก็แสดงว่านอกจากภาพบนหน้าจอที่เห็นแล้ว หากคุณแชตกับเพื่อนแล้วเปิดกล้อง โปรแกรมนี้ก็สามารถบันทึกภาพที่ปรากฏผ่านกล้องเว็บแคม แล้วเก็บไฟล์คลิปได้ด้วยเช่นกัน

วิธีที่ 2
ก่อนนำมือถือไปซ่อม แนะนำให้ถอดเมมโมรีการ์ดที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลออกมา ส่วนข้อมูลที่บันทึกอยู่ในตัวเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ควรฮาร์ดรีเซ็ต (คล้ายๆ กับการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์) ซึ่งมือถือแต่ละรุ่นจะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป แนะนำให้อ่านวิธีจากคู่มือที่แถมมากับตัวเครื่อง

วิธีที่ 3
กล้องดิจิตอลซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพที่แสนสะดวก ทุกครั้งที่คุณกดปุ่มเพื่อถ่ายภาพ ไฟล์จะถูกเขียนลงบนเมมโมรีการ์ด ดังนั้นหากกล้องของคุณเสีย ก่อนส่งไปซ่อมคุณก็ควรถอดเอาเมมโมรีการ์ดออกมาก่อนที่จะส่งไปซ่อมที่ร้านหรือศูนย์ซ่อม เพราะถึงยังไงที่ศูนย์ซ่อมเขาก็ต้องมีการ์ดสำรองเพื่อใช้ในการซ่อมอยู่แล้ว

วิธีที่ 4
ใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการลบไฟล์แบบถาวร จริงๆ แล้วมีผู้รู้ให้คำแนะนำกันมาหลากหลายวิธี อาทิ ฟอร์แมตตัวเก็บข้อมูล แต่เนื่องจากมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยกู้ไฟล์คืนกลับมาได้ ดังนั้นการฟอร์แมตจึงไม่ใช่วิธีการลบไฟล์อย่างถาวร ผู้รู้บางคนก็แนะนำว่าให้เขียนข้อมูลให้เต็มการ์ดความจำ แล้วลบและเขียนทับซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ รอบ วิธีการนี้ก็ไม่สามารถรับประกันว่าเซียนคอมพ์จะกู้กลับมาไม่ได้
ส่วนการลบไฟล์หรือคลิปแบบถาวรในแบบที่กู้คืนกลับมาไม่ได้ เราจะต้องใช้โปรแกรมประเภทลบถาวรมาใช้ลบไฟล์ ซึ่งก็มีด้วยกันหลายโปรแกรม (บางที่ก็เรียกว่า Wipe Program) มีทั้งแบบฟรี และเสียเงิน โดยสามารถใช้กับการ์ดหน่วยความจำต่างๆ เช่น CF Card, Flash Drive, SD Card เป็นต้น
สำหรับโปรแกรมแบบที่โหลดฟรีจะมีลักษณะการทำงานแบบลบทีละไฟล์ หรือหลายๆ ไฟล์พร้อมกัน โดยจะเป็นการลบแล้วจัดเรียงข้อมูลใหม่ ซึ่งเมื่อมีการกู้ข้อมูลจะพบว่ามีข้อมูลที่ถูกลบไปอยู่ และสามารถกู้ขึ้นมาได้ แต่จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ โปรแกรมในกลุ่มนี้มีหลายตัว เช่น Eraser (www.heidi.ie/eraser), Free wipe wizard (http://wizardrecovery.com/free_wipe/free_wipe_wizard.php) หรือ Blowfish Advanced CS (www.lassekolb.info/bfacs.htm)
นายเกาเหลาขอยกตัวอย่างโปรแกรม Blowfish Advanced CS วิธีการใช้งานก็ง่ายๆ แค่ดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้งในเครื่องจากนั้นก็เปิดโปรแกรมขึ้นมา เลือกไดรฟ์ที่ต้องการลบถาวร จากนั้นให้เลือกไฟล์ที่ต้องการลบ สุดท้ายก็สั่ง Wipe (Ctrl+W) เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ


ทางด้านโปรแกรมเสียตังค์ จะมีความสามารถในการลบที่ดีกว่าพวกฟรีแวร์ โดยหลังจากที่ติดตั้งไฟล์โปรแกรมลงไปแล้วจะสามารถสั่งลบไฟล์ที่อยู่ในไดรฟ์ต่างๆ ได้ทั้งหมด และไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับมาได้เลย แม้แต่ไฟล์เดียว โปรแกรมในกลุ่มนี้ ได้แก่ Media Wiper (http://www.whitecanyon.com/download-identity-theft-software.php) วิธีการใช้งานนายเกาเหลาไม่ขอพูดถึง ใครอยากรู้ว่าดีแค่ไหนก็ลองซื้อมาใช้เองครับ
วิธีที่ 5ไม่ถ่าย สั้นๆ ง่ายๆ เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลใจปวดหัวกับปัญหาที่จะตามมา เพราะความลับไม่มีในโลก ดังนั้นถึงคุณจะหาทางป้องกันปิดบังมากแค่ไหน หากถึงวันซวย ภาพหรือคลิปเหล่านั้นก็สามารถออกมาประจานคุณได้อย่างแน่นอนครับ

ทิปจาก : www.arip.co.th

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เพิ่มความเร็วเน๊ต !!

ผมได้ไปอ่านทิปจากเว็ป tipcom.ispace มีประโยชน์เลยเอามาให้เพื่อนได้ดูกัน

การจะเพิ่มความเร็วเน็ตนั้นมี 3 ทางคือ

1.ปลดบล็อกความเร็วอินเตอร์เน็ตที่ Window บล็อกไว้ 20% (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเขาจะบล็อกมาทำไม)
มาเริ่มกันเลยครับไปที่ start—> run—> พิมพ์ gpedit.msc กด ok
จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
ที่ computer config.. เลือก Administrative Templates
หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
มองหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
จะขึ้นหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwith Propoties เลือกแถบ setting คลิกเลือกที่
ช่อง Enableในกรอบ Bandwith limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok

2.MTU เป็นหน่วยหนึ่งที่ใช้กำหนดค่าให้กับการ รับส่งข้อมูลผ่านระบบเครื่อข่าย ที่สูงสุดในการส่งแต่ละครั้ง ซึ่งถ้าเราตั้งค่าให้ค้นหาค่า MTU แบบอัตโนมัติ ก็จะทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิมากขึ้น

ไปที่ Start—> run—>พิมพ์ regedit แล้วกด Ok
HKEY_LOCAL_MACHINE—> SYSTEM—> CurrentControlSet—> Services—>
Tcpip—> Parametersคลิกขวาที่ Parameters เลือก new > DWORD Value
ตั้งชื่อว่า EnablePMTUDiscoveryแล้วดับเบิ้ลคลิก พิมพ์ค่าเป็น 1แล้วกด ok

3.วิธีสุดท้ายแล้วเพิ่มการรับส่งข้อมูล MTUการเพิ่มค่า MTU ให้มากที่สุด ก็เป็นส่วนหนึ่งให้ระบบการรับส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไปที่ Start—> Run—> พิมพ์ regedit แล้วกด Ok
HKEY_LOCAL_MACHINE—> SYSTEM—> CurrentControlSet—> Services—>
Tcpip—> Parameters—> interfacesคลิกที่หน้า interfaces จะมีหลายโฟลเดอร์ ให้คลิกขวาที่โฟลเดอร์แรก—> new–> DWORD Value—>แล้วตั้งชื่อว่า MTU
แล้วดับเบิ้ลคลิกใส่ ค่า
ถ้าเป็น dial-up Connection ใส่ค่า = 576
ถ้าเป็น PPP Broadband Connecting ใส่ค่า = 1492
ถ้าเป็น Ethernet , DSL , Cable Broadband Connection ใส่ค่า = 1500

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

CD AutoRun ทำง่ายใช้แบบสร้างสรรค์

ซีดีที่มี Autorun คือซีดีรอมที่สามารถเปิดโปรแกรมขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อใส่แผ่นเข้าไปในไดร์ฟ ซึ่งในปัจจุบันกลับมีพวกคนนิสัยไม่ดี นำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การแพร่กระจายไวรัสคอมพิวเตอร์แต่วันนี้ผมจะขอพาเพื่อนๆ มาใช้ Autorun ในแบบสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์กัน
1. สร้างไฟล์ Autorun.inf โดยใช้โปรแกรม Notepad ซึ่งทุกคนมีติดเครื่องกันแล้วโดยให้พิมพ์โค้ดังนี้
[AUTORUN]
OPEN= โปรแกรมหรือไฟล์ที่ต้องการให้รัน อย่าลืมใส่นามสกุลไฟล์ด้วย
ICON= ไฟล์ภาพไอคอน *.ICO (หรือเลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้)
2. บันทึกไฟล์ที่สร้างขึ้นมาพร้อมตั้งชื่อว่า autorun.inf (ใส่ไว้ในส่วนที่จะเขียนลงแผ่นโดยจะต้องอยู่ด้านนอกสุด) เสร็จแล้วก็เขียนลงแผ่นได้เลย นอกจากทำเป็นไฟล์ออโตรัน แล้วยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานพรีเซนได้อีกด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คอมพ์จอฟ้า ทำไงดี!!

ปัญหาที่คนใช้คอมพ์เจอกันบ่อยๆ นั่นก็คือ ปัญหาจอฟ้า (Blue Screen) ซึ่งพอเจอก็มักจะเกิดอาการอึ้ง ทึ่ง เสียว แล้วก็ออกอาการงงๆ ทำอะไรไม่ถูก แล้วเราจะทำอย่างไรดี เมื่อประสบพบเจอกับปัญหาจอฟ้า ถ้าอย่างนั้นเราไปดูทางออกฉุกเฉินของปัญหานี้กันครับ
เมื่อเจอปัญหาคอมพ์จอฟ้า(Blue Screen) สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือทำใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตกอกตกใจไป จากนั้นให้สังเกตอาการที่เกิดขึ้น โดยคุณอาจจะจดโค้ดไว้เพื่อแก้ปัญหา เช่น 0X0000007E แล้วเอาโค้ดลองไปค้นหาใน Google ดู แล้วคุณจะพบโค้ดที่เกิดขึ้นมาและสาเหตุจาอะไร ในส่วนนี้ต้องบอกว่า คุณอาจจะต้องเก่งภาษาอังกฤษผสมเทคนิคเล็กน้อยเนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ
ปัญหาจอฟ้ามักจะเกิดได้ 2 สาเหตุ คือ โปรแกรม และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ ปัญหาที่เกิดจากโปรแกรมจะสังเกตได้ว่าจะสามารถเปิดเครื่องได้ แต่อาการจอฟ้าจะเกิดเมื่อเปิดโปรแกรมที่มีปัญหา ถ้าคุณรู้ว่าเกิดจากโปรแกรมอะไร เมื่อ Uninstall โปรแกรมออกปัญหาก็จะหมดไป
ถ้าปัญหาเกิดจากไดรเวอร์ของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ คุณอาจจะเปิดเครื่องได้ แต่เข้าวินโดวส์ไม่ได้ เครื่องอาจจะมีการรีบูตตลอดเวลา ซึ่งปัญหาตรงนี้ บางครั้งทางแก้อาจจะต้องฟอร์แมตเครื่องแล้วลงระบบใหม่ทั้งหมด ก่อนที่คุณจะทำอะไรลงไป ลองบูตเครื่องเข้า Safe mode ดูก่อน ถ้าเข้าได้ ก็จัดการเอาข้อมูลที่จำเป็นมาเก็บไว้ก่อน
แต่หากไม่ไหวจริงๆ คงต้องถอดฮาร์ดดิสก์ไปจั๊มป์กับเครื่องอื่น แล้วเอาข้อมูลที่สำคัญออกมา จากนั้นค่อยฟอร์แมตแล้วลงเครื่องใหม่ครับ ซึ่งการลงระบบใหม่ ผมแนะนำให้ค่อยๆ ลงไดรเวอร์ทีละตัว ลงหนึ่งตัวบูตหนึ่งครั้ง เพื่อเช็กดูว่าปัญหาเกิดที่ไดรเวอร์ตัวไหน เมื่อพบไดรเวอร์ที่มีปัญหา ให้เข้าไปเว็บไซต์ผู้ผลิตอุปกรณ์นั้นๆ แล้วดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่มาใช้แทนตัวที่มีปัญหา

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เชื่อมต่อ WiFi แบบอัตโนมัติ

หลายคนคงเบื่อกับการที่จะต้องเชื่อมต่อ Wireless ด้วยตัวเอง มันไม่ทันใจ วันนี้ผมได้นำวิธีง่ายๆสำหรับการเชื่อมต่อกับ WiFi แบบอัตโนมัติ มาดูกันเลย
1. ขั้นแรกให้พกโน้ตบุ๊กไปอยู่ในที่ซึ่งมีเครือข่าย WiFi ที่ต้องการใช้บริการ จากนั้นให้เปิด Wireless
2. ในกรณีที่บริเวณนั้นมีสัญญาณ WiFi หลายเครือข่าย ให้เลือกใช้เครือข่ายที่ต้องการ โดยคลิกขวาที่ ไอคอนรูป ( คอมพิวเตอร์ติดกัน2ตัว) อยู่ล่างขวาแถวๆนาฬิกาตรงทาส์กบาร์ แล้วเลือก Connect to a Network เช่น ถ้าเราต้องการเชื่อมต่อกับ Green WiFi ก็ให้เลือก Connect กับ true WiFi คลิกที่ปุ่ม Connect เลยครับ
3. เมื่อเชื่อมต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนที่จะทำให้เราเปิด Wireless ครั้งต่อไปไม่ต้องมาทำซ้ำแบบเดิมอีก โดยทำตามนี้
*** เปิด Control Panel ขึ้นมา ดับเบิลคลิกที่ Network and Sharing Center
*** ที่เมนูซ้ายมือ คลิกที่ Manage wireless networks
*** คลิกขวาที่ WiFi ที่เราต้องการให้มีการเชื่อมต่ออัตโนมัติ แล้วเลือก Properties
*** ในแถบเมนู Connection ให้ทำเครื่องหมายถูกในช่อง Connect automatically when this network in range แล้วคลิก OK เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน คราวหน้า แค่เราเปิด Wireless มันก็จะ Connect WiFi ที่เลือกไว้โดยอัตโนมัติแล้วครับ

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การบำรุงรักษาเครื่องพีซี!! ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม

สาเหตุที่ทำให้เครื่องพีซีเกิดความเสียหาย
ความร้อน

วามร้อนที่เป็นสาเหตุทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหา ส่วนใหญ่เกิดจากความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เองวิธีแก้ปัญหา คือ จะต้องรีบระบายความร้อนที่เกิดจากอุปกรณืต่างๆ ออกไปให้เร็วที่สุด
วิธีแก้ปัญหา
- พัดลมระบายความร้อนทุกตัวในระบบ ต้องอยู่ในสภาพดี 100 เปอร์เซนต์ อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดควรจะอยู่ระหว่าง 60-70 องศาฟาเรนไฮต์
- ใช้เพาเวอร์ซัพพลาย ในขนาดที่ถูกต้อง
- ใช้งานเครื่องในย่านอุณหภูมิที่ปลอดภัย อย่าตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงเป็นเวลานานๆ
ฝุ่นผง
เป็นที่ทราบกันดีว่าในอากาศมีฝุ่นผงกระจัดกระจายอยู่ในทุกๆ ที่ ฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่บนแผงวงจรของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เสมือนฉนวนป้องกันความร้อน ทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบ ไม่สามารถระบายออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอก นอกจากนี้อาจไปอุดตันช่องระบายอากาศของเพาเวอร์ซัพพลายหรือฮาร์ดดิสค์ หรืออาจเข้าไปอยู่ระหว่างแผ่นดิสค์กับหัวอ่าน ทำให้แผ่นดิสค์หรือหัวอ่านเกิดความเสียหายได้
วิธีแก้ไข
- ควรทำความสะอาดภายในเครื่องทุก 6 เดือน หรือทุกครั้งที่ถอดฝาครอบ
- ตัวถัง หรือ ชิ้นส่วนภายนอกอาจใช้สเปรย์ทำความสะอาด
- วงจรภายในให้ใช้ลมเป่าและใช้แปรงขนอ่อนๆ ปัดฝุ่นออก
- อย่าสูบบุหรี่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์
สนามแม่เหล็ก
แม่เหล็กสามารถทำให้ข้อมูลในแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก็สูญหายได้อย่างถาวร แหล่งที่ให้กำเนิดสนามแม่เหล็กในสำนักงานมีอยู่มากมาหลายประเภทอาทิเช่น
- แม่เหล็กติดกระดาาบันทึกบนตู้เก็บแฟ้ม
- คลิปแขวนกระดาษแบบแม่เหล็ก
- ไขควงหัวแม่เหล็ก
- ลำโพง
- มอเตอร์ในพรินเตอร์
- UPS
วิธีแก้ไข
ควรโยกย้ายอุปกรณ์ที่มีกำลังแม่เหล็กมากๆ ให้ห่างจากระบบคอมพิวเตอร์
สัญญาณรบกวนในสายไฟฟ้า
สัญญาณรบกวนในสายไฟฟ้ามีหลายลักษณะ อาทิเช่น
-แรงดันเกิน
- แรงดันตก
- ทรานเชียนต์
- ไฟกระเพื่อม
แรงดันเกิน
ในกรณีที่เครื่องของท่านได้รับแรงดันไฟฟ้าเกินจากปกติ เป็นเวลานานกว่า วินาที จะมีผลทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องเกิดความเสียหายได้
แรงดันตก
ในกรณีที่มีการใช้ไฟฟ้ากันมากเกินความสามารถในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า จะมีผลทำให้เกิดเหตุการณืไฟตกได้ ไฟตกอาจทำให้การทำงานของเพาเวอร์ซัพพลายผิดพลาดได้ เนื่องจากเพาเวอร์ซัพพลายพยายามจ่ายพลังงานให้กับวงจรอย่างสม่ำเสมอ โดยไปเพิ่มกระแส แต่การเพิ่มกระแสทำให้ตัวนำ เพาเวอร์ซัพพลายและอุปกรณ์ต่างๆ ร้อนขึ้น ซึ่งมีผลทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เกิดความเสียหายได้
ทรานเชียนต์
ทรานเชียนต์ หมายถึง การที่ไฟฟ้ามีแรงดันสุง (sags) หรือต่ำกว่าปกติ (surge) ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทรานเชียนต์ที่เกิดในบางครั้งจะมีความถี่สูงมาก จนกระทั่งสามารถเคลื่อนที่ผ่านตัวเก็บประจุไฟฟ้าในเพาเวอร์ซัพพลาย เข้าไปทำความเสียหายให้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้
ไฟกระเพื่อม
ทุกครั้งที่ท่านเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า จะทำให้กำลังไฟเกิดการกระเพื่อม เครื่องใช้ไฟฟ้ที่ต้องการกระแสไฟฟ้ามากๆ ก็จะทำให้ความแรงของการกระเพื่อมมีค่ามากตามไปด้วย จากการศึกษาพบว่า การเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละครั้งจะทำให้เกิดการกระเพื่อม- ครั้ง ภายในเสี้ยววินาที การกระเพื่อมจะมีผลต่อทุกๆ ส่วนภายในตัวเครื่อง รวมทั้งหัวอ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสค์ด้วย
วิธีแก้ไข
ในกรณีไฟเกิน ไฟตก และทรานเชียนต์ แก้ไขได้โดยการใช้เครื่องควบคุมกระแสไฟฟ้า หรือ ที่เรียกว่า Stabilizer ส่วนไปกระเพื่อม แก้ได้โดยการลดจำนวนครั้งในการปิดเปิดเครื่อง
ไฟฟ้าสถิตย์
ไฟฟ้าสถิตย์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล แต่ในสภาวะที่อากาศแห้ง จะส่งผลให้ความเป็นฉนวนไฟฟ้าสูง ประจุของไฟฟ้าสถิตย์จะสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และหาทางวิ่งผ่านตัวนำไปยังบริเวณที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่า ดังนั้นเมื่อท่านไปจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประจุของไฟฟ้าสถิตย์จากตัวท่านจะวิ่งไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น ทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายได้ แต่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง ไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดขึ้นจะรั่วไหลหายไปในระยะเวลาอันสั้น
วิธีแก้ไข
ควรทำการคายประจุไฟฟ้าสถิตย์ ด้วยการจับต้องโลหะอื่นที่ไม่ใช้ตัวถังเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนจะสัมผัสอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์
น้ำและสนิม
น้ำและสนิมเป็นศัตรูตัวร้ายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด สนิมที่พบในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ มักจะเกิดจากการรั่วซึมของแบตเตอรี่บนเมนบอร์ด ซึ่งถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้น นั่นหมายความว่าท่านจะต้องควักกระเป๋าซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่มาทดแทนตัวเก่าที่ต้องทิ้งลงถังขยะสถานเดียว
วิธีแก้ไข
หลีกเลี่ยงการนำของเหลวทุกชนิดมาวางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของท่าน
กรณีการรั่วซึมของแบตเตอรี่ แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เมื่อเครื่องของท่านมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 1-2 ปี เป็นต้นไป

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เครื่องติด จอไม่ติด

อย่างแรกให้เช็กจอกันก่อนว่าเปิดสวิตช์อยู่หรือเปล่า ? ปลั๊กไฟเสียบถูกต้องหรือไม่ ?
อันนี้ของมันแน่นอนอยู่แล้วไม่น่าจะมีใครลืมใช่ไหมครับ แต่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไปทั้งๆ ที่เป็นเครื่องพื้นฐานและเช็กกันง่ายนิดเดียวเอง
เอาละครับ เมื่อเช็กจอเรียบร้อยก็มาเช็กสายสัญญาณกันต่อ สายสัญญาณของจอมีการต่อกับคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องแล้วหรือเปล่า ? สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งก็คือในเครื่องที่มีกราฟิกการ์ดแบบออนบอร์ดมาให้ แล้วติดตั้งการ์ดจอเพิ่มเข้าไป จะมีช่องสำหรับต่อจอภาพอยู่ 2 ส่วน ในกรณีต้องต่อช่องที่ออกมาจากการ์ดที่ใส่เพิ่มเข้าไปนะครับ ซึ่งส่วนมากจะอยู่เป็นพอร์ตที่อยู่ด้านล่าง
อีกกรณีหนึ่งคือกรณีที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ มักจะมีช่องต่อจอมาให้ 2 ช่อง 2 แบบ D-Sub 15 Pin กับช่องต่อแบบ DVI ที่ใช้ต่อกับจอแอลซีดีซึ่งมันจะมีการตรวจสอบจอที่ต่ออยู่กับพอร์ตเหล่านี้และส่งสัญญาณภาพออกไป ดังนั้น เป็นไปได้ว่าถ้าการ์ดจอรวน มันก็อาจส่งสัญญาณภาพไปผิดพอร์ต ก็ควรจะลองต่อดูทั้งสองช่องครับ
แต่ถ้าเช็กจนแน่ใจแล้วคราวนี้ต้องมาดูที่คอมพิวเตอร์กันแล้วละครับ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ? เช่นมีเสียงร้อง Beep..Beep เป็นจังหวะหรือไม่ ? หรือว่านิ่งเงียบไปเลย ซึ่งเสียง Beep เหล่านี้จะเป็นการฟ้องความผิดพลาด อย่างเช่น การ์ดจอเสีย แรมมีปัญหา หรือเงียบไปเลยอาจจะเป็นซีพียูหรือเมนบอร์ดมีปัญหา งานนี้ส่งให้ช่างจะเหมาะสมที่สุด

5 ข้อ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ( Netbook )

เนื่องจากบางคนหรือคนส่วนใหญ่ยังสับสนกับเน็ตบุ๊กเหมือนโน้ตบุ๊ก และมีความคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่ ( มีคำตอบมาให้ครับ )
1. ต่อเน็ตได้เลย : ด้วยชื่อของมันที่ว่า เน๊ตบุ๊ก ก็เลยทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเจ้าเครื่องพวกนี้พอซื้อมา แค่เปิดเครื่องก็สามารถต่อเน็ตเล่น msn หรืออื่นๆได้ ในความจริงแล้ว การที่มีแค่เน็ตบุ๊กยังไม่สามารถใช้งานเน็ตได้ทันที แต่การต่ออินเทอร์เน็ตจะต้องซื้อชุดอินเทอร์เน็ตคิต หรือติดต่อจะบริษัทไฮสปีดอินเทอร์เน็ตก่อน และต้องมาดูว่าจะต่อผ่านระบบอะไร เช่น มือถือ Wireless เครือข่ายในหน่วยงาน เป็นต้น
2. เขียนแผ่นได้ ไรต์แผ่นแจ่มอีก : หลายคนตั้งใจที่จะใช้เน็ตบุ๊กในการไรต์ข้อมูลต่างๆ แต่เพื่อนๆทราบไหมว่าเน็ตบุ๊กส่วนใหญ่จะตัดไดรฟ์ออกไป เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดต้นทุน ก็หมายความว่าถ้าจะใช้งานจริงๆ ก็จะต้องซื้อไดรฟ์เอ็กเทอร์นอลมาใช้งานเสริมเอา
3. เร็วสุดๆ : เรื่องของความเร็วของคอมพิวเตอร์กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจว่าจะซื้อรุ่นไหน และคนส่วนใหญ่จะความหวัง เครื่องรุ่นใหม่ๆ จะเร็วกว่ารุ่นเก่า ซึ่งก็ถูกพอสมควร แต่สำหรับเน็ตบุ๊กหากไปเปรียบเทียบกับโน้ตบุ๊กเรื่องความเร็วยังห่างชั้นกันพอสมควร พอคุ้นๆกับซีพียู Atom ที่อินเทลมาเพื่อใช้กับเน็ตบุ๊กโดยเฉพาะ จุดเด่นอยู่ตรงคือรุ่นนี้ประหยัดพลังงานทำให้ใช้ได้นานขึ้น (แต่ไม่ได้เร็วขึ้น)
4. เล่นเกมแรงๆ ได้ : สำหรับเน็ตบุ๊กแล้ว การเล่นเกมนั้นทำได้ แต่จะต้องเป็นเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรของเครื่องมาก ส่วนเกมแรงๆ สวยๆ จะเข้าข่ายไกลเกินไป
5. ทำงานได้เท่าโน้ตบุ๊กปกติ : ผู้ใช้มักจะเข้าใจว่าเน็ตบุ๊กสามารถทำงานได้เทียบเท่ากับโน้ตบุ๊กซึ่งในความจริงแล้ว เนื่องจากขนาดเล็กบางและเบา จึงทำให้ผู้ผลิตลดฟังก์ชันบางตัวลงไป รวมถึง ไดรฟ์ดีวีดี หรือ พอร์ตยูเอสบี ดังนั้นผู้ซื้อควรมีโน้ตบุ๊กเป็นหลัก แล้วซื้อเน็ตบุ๊กเป็นเครื่องสำรองไปพรีเซ็นงานให้กับลูกค้า หรือใช้ในการเดินทาง

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หักหลังไอเจ้า!! Flashy

วิธีแก้ไข Handy Drive ที่ติดไวรัส Flashy ลักษณะคือมันจะทำการเปลี่ยนให้เป็นไวรัสดังนั้นก่อนที่จะติดเราจะต้องหักหลังมันด้วยการสร้างชอร์คคัตโฟลเดอร์ นั้นซะเท่านี้ เราก็สามารถเรียกเข้าใช้งานโฟลเดอร์ได้ตามปกติแล้วเพียง ดับเบิลคลิกที่ชอร์คคัตที่สร้างไว้ กรณีจำชื่อโฟลเดอร์ได้ให้พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ที่เราต้องการแล้ว Enter มันก็จะเปิดโฟลเดอร์นั้นให้เราคับ เช่น Handy Drive อยู่ไดร์ฟ F ก็เข้าไปที่ไดร์ฟ F ก่อน แล้วที่ Address Bar พิมพ์ว่า F:\ชื่อโฟลเดอร์ ตัวอย่างเช่น F:\music แล้ว Enter ตามที่บอกข้างบน เพียงเท่านี้เราก็เข้าใช้งานโฟลเดอร์ได้แล้วครับ

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ใช่ไวรัส hi5 รึเปล่า?

เพื่อนๆ เคยเจอกับสถานการณ์แสนแปลกประหลาด ที่อยู่ๆ หน้าต่างวินโดวส์ของ hi5 ก็เปิดเพิ่มขึ้นมาซ้อนกันอย่างไม่หยุดยั้งจนเครื่องแฮงก์!
หลายเราก็อาจจะเชื่อว่าอาการประหลาดเหล่านี้มีต้นเหตุเกิดมาจาก ไวรัส แต่ที่จริงๆ แล้วสาเหตุที่เกิดความวุ่นวายของหน้าต่างซ้อนกันนั้น เกิดจากความผิดพลาดของการแสดงผลสคริปต์ต่างๆ บนหน้าจอ
พูดง่ายๆก็คือ hi5 ที่มีการประดับประดาด้วย คลิปวิดีโอ คลิปเพลง ชุดสไลด์ภาพอยู่เป็นจำนวนมากหากเราเปิดดูแล้วขี้เกียจรอการโหลด(เพราะว่ามันช้าไง) เราก็ตัดสินใจคลิกปิดวินโดวส์ทันทีทั้งที่ยังโหลดอยู่ แบบครึ่งๆ กลางๆ สคริปต์เจ้าปัญหาก็จะสำแดงเดชด้วยการเปิดหน้าต่างขึ้นมาซ้อนๆ และซ้อนจนคอมพ์แฮงก์ การแก้ไขคือเราต้องกดปุ่ม Ctrl + Alt + Del จากนั้นเลือก Start Task Manager จากนั้นก็คลิกที่ Explorer.exe คลิกปุ่ม End Task แต่ถ้าไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้ก็รอโหลดให้เสร็จก่อนแล้วค่อยปิดจะดีกว่า

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แก้ปัญหาเอ็กซ์พีไม่เห็นไดรฟ์ยูเอสบี

ปัญหาที่หลายๆ คนอาจเคยพบก็คือ อยู่ดีๆ อุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่ยอมทำงานกับพีชีของเราบางคนก็โบ๊ยว่า ไม่อุปกรณ์ USB ของเราเสีย ก็ส่วนควบคุมการทำงานของ USB บางทีพีชีเองนั่นแหละ แต่ความจริงก็ผิดทุกข้อเพราะมันไม่ได้มีอะไรเสีย ไดรฟ์ยูเอสบีก็ไม่เสีย เพราะไปลองกับเครื่องอื่นมันก็ไม่มีปัญหา ปัญหาคือ ความสับสนของการทำงานของระบบปฏิบัติการต่างหาก เนื่องจากในอดีตปัญหานี้จะเกิดกับไดรฟ์ CD/DVD เหมือนกัน และปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดจากความสับสนของรีจิสทรีที่อาจจะหายไป หรือก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งสาเหตุอาจมากจากแอพพลิเคชันบางตัวที่ติดตั้งเข้าไป พยายามติดตั้งเงื่อนไขในการแยกแยะไดรฟ์เวอร์สำหรับชนิดของอุปกรณ์ยูเอสบีส่วนใหญ่เกิดจากแอพพลิเคชันบันทึกข้อมูลลงบนแผ่น CD/DVD ของผู้ผลิตทั่วไป
การแก้ไขปัญหาสามารถทำได้โดยลบรีจิสทรีคีย์ที่เสียหาย หรือมีรูปแบบไม่ถูกต้องออกไป เพื่อให้ XP ตรวจจับอุปกรณ์ยูเอสบีของเราได้ใหม่อีกครั้งตามปกติ ขั้นตอนการลบรีจิสทรีคีย์ตัวปัญหามีดังนี้

1. คลิกปุ่ม Start เลือกไปที่ Run จากนั้นพิมพ์ regedit คลิกปุ่ม OK
2. ในโปรแกรม Registry Editor จากนั้นให้คลิกสัญลักษณ์หน้าเมนูตามนี้ HKEY-LOCAL-MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control > Class > {4D36E980-E325-11CE-BFC1-08002BE10318}
3. ลบคีย์ที่มีชื่อว่า UpperFilters หรือ LowerFilters


4. จากนั้นให้คลิกเข้าไปที่ {4D36E967-E325-11CE-BFC1-08002BE10318}
5. ทำเหมือนกับข้อ 3 คือลบคีย์ UpperFilters หรือ LowerFilters
6. รีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์
** ข้อควรทราบก็คือ เมื่อคุณลบรีจิสทรีคีย์ที่มีปัญหานี้ออกไป แอพพลิเคชันเขียนแผ่น CD/DVD ใช้การเปลี่ยนค่าของคีย์ข้างต้น (UpperFilters,LowerFilters) จะไม่สามารถทำงานได้ และคุณอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวกนี้เข้าไปใหม่

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เพิ่ม Undo ใน PowerPoint ได้ตามใจ

มีใครเคยใช้ Undo ใน MS PowerPoint หรือเปล่าครับ? แล้วคุณเคยทราบไหมครับว่า PowerPoint ยอมให้คุณ Undo ได้กี่ครั้ง ปัญหาคือ บางครั้งคุณอาจจะต้อง Undo เกินจำนวนครั้งที่โปรแกรมรับได้ ข่าวดีคือ คุณสามารถปรับแต่งจำนวนครั้งของ Undo ได้ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เข้าไปในโปรแกรม PowerPoint ก่อน จากนั้นเข้าไปที่เมนู Tools เลือกคำสั่ง Options 2. คลิกแท็บ Edit จากนั้นสังเกตกรอบ Undo ทีนี้คุณจะพบว่า เราสามารถกำหนดจำนวนครั้งสูงสุดของการ Undo ได้โดยสามารถกำหนดครั้งของ Undo ได้ตั้งแต่ 3 ถึง 150 ครั้ง เมื่อเปลี่ยนจำนวนครั้งของ Undo เสร็จแล้วคลิกปุ่ม OK แค่นี้ก็เรียบร้อย

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ReadyBoost เร่งสปีดให้ Vista

เพื่อนๆ ที่ใช้วิสต้ากันอยู่ตอนนี้ คงจะเคยได้ยินแนวคิดใหม่ในการเพิ่มหน่วยความจำให้กับระบบ ที่เรียกว่า Windows ReadyBoost ซึ่งด้วยวิธีนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถใช้หน่วยความจำแฟลชอย่างเช่น ธัมไดรฟ์ยูเอสบี ในการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วของการทำงานให้กับระบบ
เหตุผลที่ Windows ReadyBoost สามารถเพิ่มสมรรถนะการทำงานให้กับระบบได้ก็เนื่องจากว่า ระบบปฏิบัติการจะสามารถดึงข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำแฟลชได้เร็วกว่าบนฮาร์ดดิสนั่นเอง ผลลัพธ์จึงทำให้การตอบสนองการทำงานของพีชีเร็วขึ้น และประกอบกับการใช้เทคโนโลยี SuperFetch ยิ่งทำให้ระบบสามารถตอบสนองการทำงานได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก
เอาล่ะ!! มาถึงขั้นตอนการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วของการทำงานให้กับวิสต้าด้วย ReadyBoost สามารถทำได้ง่ายมาก ขั้นแรกให้คุณใส่หน่วยความจำแฟลชจะเป็นธัมบ์ไดรฟ์ยูเอสบี หรือการ์ดหน่วยความจำ SD หรือ CF ก็ได้เข้าไปในคอมพิวเตอร์ของคุณ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยแฟลชไดรฟ์ของคุณได้
ในกรณีที่ไม่ได้เลือกออปชัน ReadyBoost ให้กับไดรฟ์ยูเอสบีก่อนหน้านี้ คุณต้องเปิดทำงาน Windows ReadyBoost ให้กับไดรฟ์ยูเอสบี ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดหน้าต่าง Windows Explorer แล้วคลิกเข้าไปใน Computer
2. คลิกขวาบนไดรฟ์ USB เลือกคำสั่ง Properties
3. คลิกแท็บ ReadyBoost ถ้าไม่พบแท็บดังกล่าว ก็แสดงว่า ไดรฟ์ยูเอสบีที่ใช้มีสเปกต่ำกว่ามาตรฐานการใช้งานในลักษณะนี้ ลองหาไดรฟ์ยูเอสบีตัวใหม่มาดีกว่า
4. คลิกเรดิโอบัตตันหน้าข้อความ Use This Device แล้วกำหนดขนาดของหน่วยความจำที่จะสำรองไว้ให้ใช้โดย Windows ReadyBoost
5. คลิกปุ่ม OK
เพียงเท่านี้ ระบบปฏิบัติการ Windows Vista ก็จะสามารถใช้ไดรฟ์ยูเอสบีของคุณในการเพิ่มความเร็วในการทำงานได้แล้ว ลองไปทำดูนะครับ (สเปกขั้นต่ำของไดรฟ์ยูเอสบีที่รองรับการทำงาน ReadyBoost จะต้องมีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 64 MB คุณสมบัติตรงมาตรฐาน USB 2.0 ความเร็วในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 3.5 MB/s และเขียนข้อมูลที่ 2.5 MB/s)

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ซ่อนไดรฟ์ ให้พ้นมือเด็ก!!

ถ้าคุณมีข้อมูลที่สำคัญเก็บไว้ในไดรฟ์และระแวงว่าจะมีพวกมือบอนมาแอบลบหรือย้ายข้อมูล วันนี้ผมเอาทิปเล็กๆ มีฝากให้คุณซ่อนไดรฟ์ที่สำคัญเหล่านั้นได้ โดยทำตามขั้นตอนนี้
1. คลิกปุ่ม Start -> Run พิมพ์ regedit กด OK
2. จากนั้นคลิกสัญลักษณ์หน้าเมนูตามนี้ HKEY-CURRENT-USER -> Software -> Microsoft -> Windows -> CurrentVersion -> Policies -> คลิกโฟลเดอร์ Explorer
3. สร้างค่า DWORD ขึ้นมาใหม่ โดยคลิกขวาพื้นที่ว่างๆ แล้วเลือกคำสั่ง New -> DWORD Value ตั้งชื่อ DWORD นี้ว่า NoDrives
4. ดับเบิลคลิกที่ NoDrives จะปรากฏหน้าต่าง Edit DWORD ที่ช่อง Value data ให้ใส่ค่าตามที่ต้องดังนี้
-- ค่า 1 จะทำการซ่อนไดรฟ์ A ให้หายไป
-- ค่า 4 จะทำการซ่อนไดรฟ์ C ให้หายไป
-- ค่า 8 จะทำการซ่อนไดรฟ์ D ให้หายไป
-- ค่า 10 จะทำการซ่อนไดรฟ์ E ให้หายไป
-- ค่า 20 จะทำการซ่อนไดรฟ์ F ให้หายไป
-- ค่า 40 จะทำการซ่อนไดรฟ์ G ให้หายไป
-- ค่า 80 จะทำการซ่อนไดรฟ์ H ให้หายไป

นำโปรแกรมรุ่นป้าไปเปิดบน Win XP

ใครที่เจอปัญหาต้องใช้โปรแกรมรุ่นเก่าบน Windows XP แล้วเปิดใช้งานไม่ได้ วันนี้เราทำได้ แถมยังทำได้แบบง่ายๆ ด้วย วิธีการคือให้ไปคลิกที่ Start -> Program -> Accessories -> Program Compatibility Wizard จะปรากฏหน้าต่าง Help and support center กด Next เลือกอันแรก I want to choose… แล้ว Next เลือกโปรแกรม แล้ว Next เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการให้ทำงาน แล้ว Next เลือกความละเอียดของจอภาพให้ดูความเหมาะสม แล้ว Next แล้วก็ Next ไปอีก จะปรากฏโปรแกรมที่เลือก แล้วเลือก Yes, set this program… แล้ว Next เลือก No แล้ว Next แล้ว Finish แค่นี้เราก็สามารถเปิดโปรแกรมรุ่นป้าได้แล้ว