วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Windows XP : ชอร์ตคัตสำหรับรีสตาร์ต

ชอร์ตคัต ยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับมือใหม่อีกหลายๆ คน เพราะบางทีการที่จะให้มานั่งจำว่า ต้องกดหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน หรือมีขั้นตอนการคลิ้กเกินกว่า 3 ครั้ง แถมแต่ละครั้งมีไดอะล็อกบ็อกซ์พร้อมปุ่มต่างๆ ให้ต้องตัดสินใจอีก ถ้าคลิ้กผิดก็อาจสร้างความเสียหายตามมาอีก สารพัดความกลัวที่มือใหม่มีต่อการใช้งาน ซึ่งความจริงมันไม่ได้ยากเลย แต่เมื่อเป็นความต้องการของเพื่อนๆ แล้ว นายเกาเหลาจะปฏิเสธได้อย่างไร จริงมั้ยครับ ?

ก่อนหน้านี้ นายเกาเหลาเคยแนะนำวิธีสร้างชอร์ตคัตสำหรับชัตดาวน์ระบบมาแล้ว แต่ก็ไม่วาย ล่าสุดมีผู้อ่านอยากได้ชอร์ตคัตไว้สำหรับรีสตาร์ตระบบ ว่าแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า ขั้นแรกคลิ้กขวาบนเดสก์ทอป เลือกคำสั่ง New, Shortcut จากนั้นในช่อง Type the location of the item ให้พิมพ์คำสั่งข้างล่างนี้เข้าไปครับ

%windir%\System32\shutdown.exe –r

คลิ้กปุ่ม Next ตั้งชื่อชอร์ตคัตว่า Restart ในช่อง Type a name for this shortcut แล้วคลิ้กปุ่ม Finish เพียงแค่นี้ คุณก็ได้ไอคอนชอร์ตคัตสำหรับรีสตาร์ตระบบแล้ว ไม่เชื่อก็ลองดับเบิลคลิ้กบนชอร์ตคัตอันนี้ เพื่อนๆ จะเห็นว่า ระบบจะรีสตาร์ตตัวเอง

ข้อสังเกต: ความลับของชอร์ตคัต Restart อยู่ที่สวิตช์ของคำสั่ง shutdown.exe นั่นก็คือ –r ซึ่งในกรณีของชอร์ตคัตสำหรับชัตดาวน์นั้น สวิตช์ที่ใช้จะเป็น –s คงจะจำกันได้นะครับ
ทิปจาก : www.arip.co.th

Vista : ยกเลิก Windows Key

สำหรับผู้ใช้ที่เปิดเครื่องที่ให้บริการเน็ตคาเฟ่ อาจจะสนใจทิปนี้นะครับ เพราะปัจจุบันผู้ใช้เดี๋ยวนี้รอบรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีอะไรให้คลิ้ก ก็รู้จักใช้คีย์ลัดต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ปุ่ม Windows ร่วมกับปุ่มต่างๆ บนคีย์บอร์ด เพื่อเปิดโน่นเปิดนี่ไปเรื่อย เช่น Windows+E เปิด Explorer และ Windows + Break เปิด

ไดอะล็อกบ็อกซ์ System Properties เป็นต้น เรียกได้ว่า พวกเขาสามารถรื้อค้นทุกอย่างในเครื่องได้ โดยไม่ง้อไอคอน คอนเท็กซ์เมนู (คลิ้กขวาบนเดสก์ทอป) แต่อย่างใด ขอแค่ปุ่มบนคีย์บอร์ดไม่มีปัญหาก็พอ ทิปต่อไปนี้จะช่วยสกัดพวกมือซนจากการใช้ปุ่ม Windows Key โดยเราจะยกเลิกการทำงานของปุ่มนี้ซะเลย

พระเอกของเรายังคงเป็น Registry Editor เช่นเคย โดยเราจะเข้าไปแก้ไขให้ระบบปฏิบัติการเข้าใจว่า ไม่มีปุ่ม WinKey นั่นเอง ขั้นแรกเปิดโปรแกรมด้วยการพิมพ์คำสั่ง regedit.exe ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Run (หรือพิมพ์เข้าไปในช่อง Search แล้วกดปุ่ม Enter) เมื่อหน้าต่างโปรแกรมเปิดขึ้นมา ในกรอบทางด้านซ้ายมือ ให้คลิ้กเข้าไปที่

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\ CurrentVersion\Policies\Explorer
เมื่อเข้าไปถึงชั้นของรายการ Explorer แล้ว ให้คลิ้กบนที่ว่างในกรอบทางขวามือของหน้าต่างโปรแกรม เลือกคำสั่ง New ตามด้วย 32-bit DWORD value ตั้งชื่อเป็น NoWinKeys พร้อมทั้งกำหนดค่าให้เป็น 1


ให้คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดโปรแกรม Registry Editor จากนั้นรีสตาร์ต Explrer อีกครั้ง ด้วยการล็อกออฟออกจากระบบ แล้วล็อกออนเข้ามาใหม่ คราวนี้ ลองกดปุ่ม WinKey ร่วมกับคีย์ลัดต่างๆ เช่น WinKey + E คุณก็จะพบว่า มันไม่เปิดหน้าต่าง Explorer ให้กับคุณอีกต่อไปแล้ว

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ลบไฟล์ขยะ หลังจากเลิกเล่นเน็ต ช่วยลดปัญหาไวรัสได้

เวลาเราเข้าเว็บไซต์ต่างๆ โปรแกรม IE ก็จะทำการ download ข้อมูลมาเก็บไว้ในเครื่องของเราก่อน จากนั้นถ้าเราเลิกเล่น ไฟล์เหล่านี้ก็จะค้างในเครื่องของเรา นอกจากปัญหาไฟล์ในเครื่องที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เนื้อที่ใน harddisk ของเราไม่เพียงพอแล้ว อาจมีไวรัสแอบแฝงเข้ามาในเครื่องคอมฯ ของเราได้ด้วย ดังนั้นวิธีการจัดการอย่างหนึ่งที่ง่ายก็คือ กำหนดให้โปรแกรม IE ลบไฟล์ขยะเหล่านี้อัตโนม้ติทุกครั้งที่ปิดโปรแกรม สำหรับขั้นตอนก็สั้นๆ ครับ เพียงทำตามรายละเอียดข้างล่างนี้

วิธีกำหนดให้ลบไฟล์ขยะจากอินเตอร์เน็ตแบบอัตโนมัติ

1. คลิกเมนู Tools
2. เลือกคำสั่ง Internet Options
3. คลิกเลือกแท็ป Advanced
4. เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Security
5. จากนั้น คลิกหัวข้อ Empty Temporaly Internet Files Folder when browser is closed


6. กดปุ่ม Apply อีกครั้งเพื่อยืนยัน
7. แล้วนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม::

ส่วนดีของการที่โปรแกรม IE มีการ download ไฟล์มาเก็บไว้ในเครื่องของเรา ทำให้การใช้งานในครั้งต่อไป สามารถเปิดดูรายละเอียดในเว็บนั้นๆได้เร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการ download ซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบผลดี ผลเสียกันเอาเองน่ะครับ แต่ถ้าให้ผมฟันธงเลย ขอตอบว่าลบไปเลยดีกว่าครับ.. ทิปจาก : http://www.it-guides.com/

ยกเลิก System Restore Windows XP

System Restore เป็นความสามารถในการแก้ไขปัญหาของ Windows โดยเราสามารถทำการย้อนอดีตของการทำงานของ Windows ได้ ก่อนที่จะเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม System Restore ก็อาจทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างได้เช่น ทำให้เปลืองเนื้อที่ใน Harddisk และอาจเป็นที่เก็บไวรัสได้เช่นกัน การแก้ไขปัญหาไวรัสหลายๆ ตัว จำเป็นจะต้องยกเลิกคุณสมบัตินี้

ขั้นตอนการยกเลิก System Restore

1. คลิกขวาที่ My Computer
2. คลิกเลือก Properties
3. คลิกเลือกแท็ป System Restore
4. คลิกเลือก Turn off System Restore on all drives


5. คลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยันอีกครั้ง
แค่นี้ เราก็จะมีพื้นที่ใน Harddisk เพิ่มขึ้น และแก้ไขปัญหาไวรัสได้ระดับหนึ่งด้วย เช่นกัน
ทิปจาก : http://www.it-guides.com/

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ตั้งความละเอียดเหมาะสมช่วยประหยัดหมึกได้

งานพิมพ์ในระบบเลเซอร์ทั้งสีและขาวดำนั้น หากคุณต้องการประหยัดหมึกในทุกวิถีทางแล้วละก็ การกำหนดความละเอียดของงานพิมพ์ช่วยได้แน่ เช่น หากพิมพ์แค่เอาสารทั่วไปก็ไม่ควรไปกำหนดถึงระดับ 600 dpi เพราะสายตาคนเราแทบจะมองเห็นความแตกต่างไม่ได้เลยหรืองานพิมพ์ภาพก็เช่นเดียวกัน ที่โหมด 1200x1200 dpi อาจเปลืองหมึกมากเกินไปถ้าภาพกราฟิกของคุณมีความละเอียดไม่มาก ให้ใช้แค่ 600 dpi ก็พอ
ทิปจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY

เรื่องเดิม ๆ แต่ไม่เคยตกยุคเกี่ยวกับไวรัส

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer virus) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
ไวรัสคือไวรัสเป็นโปรแกรมประเภทที่สามารถแพร่ขยายตัวเองได้ วิธีการในการจำแนกว่าส่วนของโปรแกรมนั้นเป็นไวรัสหรือไม่ นั้นดูจากการที่โปรแกรมสามารถแพร่กระจายตัวได้โดยผ่านทางพาหะ (โฮสต์)
บ่อยครั้งที่ผู้คนจะสับสนระหว่างไวรัสกับเวิร์ม เวิร์มนั้นจะมีลักษณะของการแพร่กระจากโดยไม่ต้องพึ่งพาหะ ส่วนไวรัสนั้นจะสามารถแพร่กระจายได้ก็ต่อเมื่อมีพาหะนำพาไปเท่านั้น เช่น ทางเครือข่าย หรือทางแผ่นดิสก์ โดยไวรัสนั้นอาจฝังตัวอยู่กับแฟ้มข้อมูล และเครื่องคอมพิวเตอร์จะติดไวรัสเมื่อมีการเรียกใช้แฟ้มข้อมูลนั้น
เนื่องจากไวรัสในปัจจุบันนี้ได้อาศัยบริการเครือข่ายบนคอมพิวเตอร์ เช่น เวิลด์ไวด์เว็บ อีเมลล์ และระบบแฟ้มข้อมูลร่วมในการแพร่กระจากด้วย จึงทำให้ความแตกต่างของไวรัสและเวิร์มในปัจจุบันนั้นไม่ชัดเจน
ไวรัสสามารถติดพาหะได้หลายชนิด ที่พบบ่อยคือ แฟ้มข้อมูลที่สามารถปฏิบัติการได้ของซอฟต์แวร์ หรือส่วนระบบปฏิบัติการ ไวรัสสามารถติดไปกับบูตเซ็กเตอร์ของแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ แฟ้มข้อมูลประเภทสคริปต์ ข้อมูลเอกสารที่มีสคริปต์มาโคร นอกเหนือจากการสอดแทรกรหัสไวรัสเข้าไปยังข้อมูลดั้งเดิมของพาหะแล้วไวรัสยังสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเดิมในพาหะ และอาจแก้ไขให้รหัสไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานเมื่อพาหะถูกเรียงใช้งาน
ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์บูตไวรัสบูตไวรัส (Boot Virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มบูตเครื่อง ส่วนมากมันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู้เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันทีบูตไวรัสจะติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคอร์ด (Master Boot Record ) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไฟล์ไวรัสไฟล์ไวรัส (File Virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม
ไวรัสมาโครไวรัสมาโคร (Macro Virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น
โทรจันมาโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง การะทำการบางอย่างในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของมาไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดตั้ง ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจันจุถูกแนบมากับอีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
หนอนหนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้นการป้องกันโปรแกรมป้องกันไวรัส (Antivirus Software) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ (ต่อจากนี้จะเรียกว่าไวรัส) จากผู้ไม่หวังดีทางอินเทอร์เน็ต โปรแกรมป้องกันไวรัสมี 2 แบบใหญ่ๆ1. แอนติไวรัส เป็นโปรแกรมโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วๆ ไป จะค้นหาและทำลายไวรัสในคอมพิวเตอร์ของเรา2. แอนติสปายแวร์ เป็นโปรแกรมป้องกันการโจรกรรมข้อมูล จากไวรัสสปายแวร์ และจากแฮ็กเกอร์ รวมถึงการกำจัด Adware ซึ่งเป็นป๊อบอัพโฆษณาอีกด้วโปรแกรมป้องกันไวรัสจะค้นหาและทำลายไวรัสที่ไฟล์โดยตรง แต่ในทุกๆ วันจะมีไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นเสมอ ทำให้เราต้องอัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสตลอดเวลาเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของเราปลอดภัย โดยแอนติไวรัสจะมีรูปแบบตามบริษัทกันไปและแต่ละบริษัทจะมีการอัพเดทและการป้องกันไม่เหมือนกัน แต่ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวไม่ควรมีโปรแกรมป้องกันไวรัส 2 ตัว เพราะจะทำให้โปรแกรมขัดแย้งกันเองจนไม่สามารถใช้งานได้
ข้อมูลจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Vista : เสกไดรฟ์ให้ล่องหน...

บังเอิญนายเกาเหลาได้ไปพบทิปที่น่าสนใจก็เลยหยิบนำมาฝาก ซึ่งไอเดียของทิปนี้ก็คือ การซ่อนไดรฟ์ที่ใช้งานอยู่ไม่ให้แสดงผลในหน้าต่าง My Computer ของ Vista เนื่องจากบางครั้งเราก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่า เรามีไดรฟ์ที่ใช้งานได้อยู่อีกไดรฟ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี การซ่อนที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลต่อการทำงานของไดรฟ์แต่อย่างใด ซึ่งนั่นหมายความว่า เรายังคงสามารถเข้าถึงไดรฟ์นี้ได้ ด้วยการพิมพ์พาธ (path) ที่ถูกต้อง ในที่นี้จะยกตัวอย่างการซ่อนไม่ให้วิสต้าแสดงไอคอนของฟลอปปี้ไดรฟ์ A:

ขั้นแรกเราต้องเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการซ่อนไดรฟ์ของเราก่อน โดยเปิดโปรแกรม Registry Editor (ในช่อง Run พิมพ์คำสั่ง regedit.exe) จากนั้นในกรอบด้านซ้ายมือของหน้าต่างโปรแกรมคลิ้กเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer
ถ้าชั้นในสุดไม่พบคีย์ Explorer ให้คลิ้กขวาบนรายการ Policies เลือกคำสั่ง New Key แล้วตั้งชื่อ Explorer

เสร็จแล้วในกรอบทางด้านขวามือให้คลิ้กขวาเลือกคำสั่ง New ตามด้วย 32-bit DWORD พร้อมทั้งตั้งชื่อว่า NoDrives ค่าที่สร้างขึ้นนี้จะเป็นตัวเลข 32 บิต โดยบิตต่างๆ จะถูกจัดเรียงลำดับย้อนศรการเรียงตัวอักษร A ถึง Z ดังนี้
ในกรณีนี้เราต้องการซ่อนไดรฟ์ A: ค่าที่ได้จึงเป็น 1 ในเลขฐานสิบ (Decimal) หากต้องการซ่อนไดรฟ์ D: ค่าที่ได้ก็จะเป็น 1000 ในเลขฐานสองหรือ 8 ในเลขฐานสิบนั่นเอง เราสามารถซ่อนได้มากกว่าหนึ่งไดรฟ์พร้อมกัน เช่น ถ้าต้องการซ่อนทั้งไดรฟ์ A: และ D: ค่าของ NoDrives ก็คือ 1001 หรือ 9 นั่นเอง ไม่ยากนะครับ
กลับมาที่ตัวอย่าง ซึ่งเราต้องการซ่อนไดรฟ์ A เพียงไดรฟ์เดียว ดังนั้น ค่าที่กำหนดให้กับ NoDrives จึงเป็น 1 คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดโปรแกรม

ขั้นตอนต่อมาก็คือ การรีสตาร์ตโปรแกรม explorer.exe ซึ่งสามารถทำได้ใน Task Manager หรือจะใช้วิธีล็อกออฟ แล้วล็อกอินกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยหลังจากรีสตาร์ตเสร็จแล้วคุณจะพบว่า ไอคอนไดรฟ์ A: ใน My Computer ได้ล่องหนไปเรียบร้อยแล้ว

สำหรับการแก้ไขกลับคืนก็สามารถทำได้โดยเข้าไปลบคีย์ NoDrives ออกไป แล้วรีสตาร์ต explorer.exe ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...อ้อ ผู้รู้บอกว่า ทิปนี้เวิร์กใน XP ด้วยเหมือนกันครับ
ทิปจาก : www.arip.co.th

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Hardware : คืนชีพแฟลชไดรฟ์

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีธัมบ์ไดรฟ์ หรือแฟลชไดรฟ์ไว้สำรองข้อมูลกันแทบทุกคน โดยเฉพาะเพื่อนๆ สมาชิกคอมพิวเตอร์.ทูเดย์ เพราะทางนิตยสาร เพิ่งจะแจก “กิ๊ก” (แฟลชไดรฟ์ความจุ 1กิกะไบต์) ให้กับสมาชิกราย 2 ปี ซึ่งยี่ห้อนี้ดีมากๆ ขอบอก! (อันนี้นายเกาเหลาไม่ได้ค่าโฆษณา หรือค่าบทความเพิ่มแต่อย่างใด)

อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่า หน่วยความจำสำรอง ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดดิสก์ หรือโซลิดสเตท ก็ไม่อาจหนีสัจธรรมที่ว่า ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง สังขารไม่เที่ยง แฟลชไดรฟ์ก็มีโอกาสที่จะพัง หรือเกิดข้อผิดพลาดจนใช้การไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่โอกาสน้อยกว่าฮาร์ดไดรฟ์เท่านั้น พวกเราเคยฟังเรื่องของการกู้ข้อมูล หรือคืนชีพให้ฮาร์ดดิสก์ด้วยวิธีต่างๆ มามากแล้ว ตั้งแต่ใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขไปจนถึงแช่ตู้เย็น ??? แต่ครั้งนี้นายเกาเหลามีวิธีคืนชีพแฟลชไดรฟ์มาฝากเพื่อนๆ ครับ

ปัญหาแฟลชไดรฟ์เดี๊ยงในลักษณะที่พอจะเยียวยาได้ สาเหตุ และอาการที่พบก็คือ ในขณะที่ต่อธัมบ์ไดรฟ์ถ่ายโอนไฟล์อย่างเมามันอยู่นั้น จู่ๆ Windows XP ก็แช่แข็งตัวเองซะงั้น พอบูตเครื่องเสร็จ My Computer ตรวจพบว่า ธัมบ์ไดรฟ์มีความจุเหลือ 0 เมกะไบต์ แม้จะพยายามฟอร์แมตมันใหม่ก็ไม่สำเร็จ...หรือจะซื้อของใหม่ไปเลย

อย่างไรก็ตาม ก่อนด่วนตัดสินใจทำเช่นนั้น นายเกาเหลาอยากให้ลองใช้วิธีต่อไปนี้ดูก่อนจะดีไหมครับ อย่างน้อยจะได้ถือว่า พยายามแล้ว โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ดาวน์โหลด และติดตั้งยูทิลิตีชื่อว่า HP Drive Key Boot ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ ดับเบิลคลิ้กไอคอนโปรแกรมบนเดสก์ทอป เลือกแฟลชไดรฟ์ที่ต้องการซ่อม ภายใต้เซ็กชัน Device
2. เลือกระบบไฟล์ที่ต้องการฟอร์แมตให้กับไดรฟ์ ซึ่งได้แก่ FAT, FAT32 หรือ NTFS
3. เลือกเช็กบ็อกซ์ Quick Format
4. คลิ้กปุ่ม Start ของโปรแกรม

หลังจากฟอร์แมตเสร็จแล้ว ทดลองใช้งานดูนะครับ ซึ่งถ้ายังไม่ได้ ให้เพื่อนๆ ทดลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์เข้ากับพอร์ตยูเอสบี
2. เรียกโปรแกรม HP Drive Key Boot Utility ภายใต้โฟลเดอร์ HP System Tools
3. โปรแกรมจะแนะนำขั้นตอนการแฟลชเฟิร์มแวร์ ตลอดจนการทำให้บูตได้ เพียงแค่คลิ้กตามขั้นตอนของมันเท่านั้นครับ
4. ในระหว่างที่โปรแกรมสอบถามเกี่ยวกับแฟลชไดรฟ์ จะมีการร้องขอให้เลือกชื่ออักษรไดรฟ์ที่แฟลชไดรฟ์ใช้อยู่ (E:, F:…) ถ้าดรอปดาวน์ของโปรแกรมไม่มีการแสดงชื่ออักษรของแฟลชไดรฟ์ออกมา นั่นอาจหมายความว่า แฟลชไดรฟ์เสียบไม่แน่น หรือเป็นแฟลชไดรฟ์ที่โปรแกรมมองว่าเป็นชนิด “fixed disk” วิธีตรวจสอบว่า แฟลชไดรฟ์ของเพื่อนอยู่ในสถานะใด สามารถทำได้โดยดับเบิลคลิ้กบนไอคอน My Computer บนเดสก์ทอป คลิ้กขวาบนไอคอนของแฟลชไดรฟ์ตัวปัญหา เลือกคำสั่ง Properties ชนิดของไดรฟ์จะแสดงขึ้นมา ถ้าไดรฟ์ถูกระบุว่า เป็น “fixed disk” หรือ “local disk” ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการกำหนดชื่ออักษรไดรฟ์ (drive letter) ให้กับแฟลชไดรฟ์ของคุณ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนต่อไปนี้ก่อน จึงจะไปใช้ HP Drive Key Boot Utility ได้ครับ รายละเอียดมีดังนี้

เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์เข้ากับพอร์ต USB
1. ล็อกอินระบบเป็น Administrator
2. เลือก Start -> Control Panel -> Administrative Tools -> Computer Management
3. เลือก Computer Mangagement (local) -> Storage -> Disk Management (local)
4. เลือก Change/Add Drive Letter สำหรับแมปดิสก์ให้กับแฟลชไดรฟ์
5. เลือกชื่ออักษรไดรฟ์ที่ต้องการ

ปกติซอฟต์แวร์ HP Drive Key Boot Utility ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับไดรฟ์ของ HP เท่านั้น แต่มันดูเหมือนว่าจะสามารถใช้ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในท้องตลาดได้ด้วย แม้แต่การ์ดหน่วยความจำของกล้องดิจิตอล นายเกาเหลาแนะนำทิปนี้ ก็เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการแก้ปัญหาเท่านั้น ซึ่งหากมันใช้ได้กับผู้ที่กำลังประสบปัญหาในลักษณะนี้อยู่ ก็น่าจะเป็นการดียิ่ง แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้เจอปัญหานี้ อย่างน้อยที่สุด คุณผู้อ่านก็ได้ทราบว่า ปัญหานี้ยังมีโอกาสแก้ไขได้เหมือนกัน ขอให้โชคดีนะครับ


ทิปจาก : www.arip.co.th

เตือน!!! ใครใช้ password แบบนี้ เปลี่ยนซะ

เกาเหลาก็ต้องมีสารพันทิปเทคนิคมาฝากทุกท่านอยู่แล้ว
วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และระบบใดๆ ก็ตามที่ต้องให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่าน หรือ password ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่หลายคนกลับมองข้าม ยังคงใช้พาสเวิร์ดง่ายๆ เพราะไม่อยากคิด อยากจำ ให้วุ่นวาย แฮคเกอร์ และผู้ไม่หวังดีก็เลยช่วยจำรหัสง่ายๆ เหล่านี้แทนผู้ใช้ซะเลย
ข้างล่างนี้เป็น 10 พาสเวิร์ดที่เสียงอันตรายมากที่สุด และใครที่ใช้พาสเวิร์ดเหล่านี้ กรุณาเปลี่ยนด่วนที่สุด เพราะระบบของคุณอาจถูกเจาะได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ...ว่าแล้วไปดูกันครับว่า มีพาสเวิร์ดอะไรบ้าง

1. password
2. 123456
3. qwerty
4. abc123
5. letmein
6. monkey
7. myspace 1
8. password 1
9. blink182
10. (ชื่อของคุณ)

นอกจากไม่ควรเลือกใช้พาสเวิร์ดง่ายเหล่านี้แล้ว ผู้ใช้ยังไม่ควรใช้พาสเวิร์ดอันเดียวกับหลายๆ ระบบ โดยเฉพาะพาสเวิร์ดที่ใช้ในเว็บโซเชียลอย่าง h5, myspace และ facebook เพราะหากถูกแฮคได้ และเป็นพาสเวิร์ดเดียวกันกับอีแบงกิ้งของคุณแล้วล่ะก็...จึ๋ย!!! อย่าให้พูดเลยครับว่า จะเกิดอะไรขึ้น...
ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ควรใช้พาสเวิร์ดผสมตัวอักษรกับตัวเลข เพราะมันจะใช้เวลาในการเจาะยาก และนานกว่าตัวอักษร หรือคำที่มีความหมาย...
แม้นายเกาเหลาจะเคยพูดเรื่องนี้บ่อยแล้ว แต่เนื่องจากเพิ่งจะเดารหัสผ่านเข้าไปในโน้ตบุ๊กของหลานชายได้ด้วยชื่อของเขาเอง...เฮ่อ...

ทิปจาก : www.arip.co.th

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เบียดๆกันหน่อย…ไอคอนล้นจอแล้ว

จากประสบการณ์ของนายเกาเหลา ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะชอบเลือกให้โปรแกรมเซตอัพจัดแจงวางไอคอนโปรแกรมที่ติดตั้งไว้บนเดสก์ทอป ตามด้วยชอร์ตคัตอีกมากมาย ซึ่งสภาพก็คงไม่ต่างกับโต๊ะทำงาน ที่พอรับเอกสารมา ก็กองไว้บนโต๊ะจนพื้นที่แทบไม่เหลือเดสก็ทอปของเอ็กซ์พี ก็เช่นเดียวกัน แทนที่จะดูเรียบร้อยสวยงามกับละลานตาไปด้วยไอคอนของโปรแกรมมากมาย ครั้นจะลบอะไรออกไปบ้าง หรือย้ายไปเก็บเป็นที่เป็นทางบ้างก็กลัวจะหาไม่เจอ...เพื่อนๆคงจะเคยมีอารมณ์นี้เหมือนกันใช่ไหมครับ

ทางแก้อันหนึ่งก็คือ การจัดสรรพื้นที่ให้แต่ละไอคอนมีอาณาเขตลดลง พูดง่ายๆ ก็คือ ในเมื่ออยู่กันเยอะ ก็ต้องเบียดๆ กันหน่อย จะได้เหลือพื้นที่บ้าง ขั้นตอนมีดังนี้ครับ

1. คลิ้กขวาบนเดสก์ทอป เลือกคำสั่ง Properties

2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์คลิ้กแท็บ Appearance แล้วคลิ้กปุ่ม Advanced

3. จากตัวเลือกที่ให้คลิ้กเลื่อนมาจนถึงหัวข้อ Icon Spacing (Vertical) ลดขนาดของพื้นที่ว่างด้านบนและด้านล่างของไอคอนลง ทำเช่นเดียวกัน โดยเลือกหัวข้อ Icon Spacing (Horizontal) ซึ่งผลที่ได้คือระยะห่างหัวท้าย และซ้ายขวาของแต่ละไอคอนจะลดลง หรือพูดง่ายๆก็คือ ไอคอนจะอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นนั้นเอง เมื่อกำหนดระยะห่างที่ต้องการแล้ว คลิ้กปุ่ม Apply และ OK

4. เสร็จแล้วคลิ้กขวาบนเดสก์ทอป เลือกคำสั่ง Arrage Icon By เลือก Align to Grid เพื่อบังคับให้แต่ละไอคอนลงล็อกตำแหน่งของมัน

5. หากยังรู้สึกว่า สามารถเบียดไอคอนให้ใกล้กันได้อีก ก็กลับไปทำข้อ 3 และ 4 จนกว่าจะได้ระยะที่พอใจ และมีพื้นที่ว่างบนเดสก์ทอป ให้หายใจได้บ้าง


หวังว่า คงถูกใจเพื่อนๆ หลายคนที่ชอบสะสมไอคอนบนเดสก์ทอปนะครับ อ้อ...ทิปนี้ใช้ได้ทั้ง ระบบ

ปฏิบัติการ Windows XP และ Vista นะครับ

ข้อมูลจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เอา USB ออกโดยไม่ต้อง Safety Remove

วันนี้มาตามคำสัญญาครับ ทิปการเอา USB ออกโดยไม่ต้อง Safety Remove

ปัจจุบันนี้ผมว่าหลายๆคนคงจะมี USB Flash drive เป็นของตัวเองเกือบทุกคนเลยใช่ไหมล่ะครับ วันนี้ก็เลยมาเอาใจคนใช้ Flash drive กันสักหน่อย โดยสรรพคุณก็ตามหัวข้อนั่นแหละครับ มันจะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไป Safety remove กันให้เมื่อยตุ้ม แถมบางทีถ้าเราลืม Safety remove แล้วดึงมันออกเราก็จะต้องร้องจ้าก! “เฮ้ยลืม Safety remove ” จากนั้นอายุการใช้งาน Flash drive ก็จะสั้นลง 1 วัน 1 เดือน หรือแม้กระทั่ง 1 ปี – –“ ล้อเล่นนะครับอย่าคิดมาก


จากที่ผมบรรยายสรรพคุณของทิปข้างต้นไปแล้ว หลายๆท่าน อาจจะนั่งอ่านจนน้ำลายแทบหกเลยล่ะสิครับ(โม้ไปไกลอีกแล้วสิเนี่ย) แล้วในที่สุดก็มาถึง “ทิปการเอา USB ออกโดยไม่ต้อง Safety Remove”

1. เสียบ แฟลชไดรฟ์ ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณก่อนครับ
2. หา แฟลชไดรฟ์ ของคุณใน My computer ครับ
3. คลิกขวาที่ แฟลชไดรฟ์ ของคุณครับ
4. เลือกที่ Properties ครับ
5. ถึงตรงนี้จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ให้คลิกที่แท็บ Hardware ครับ
6. จากนั้นให้มองหาแฟลชไดรฟ์ของคุณ แล้วดับเบื้ลคลิกครับ
7. จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ให้ไปที่ แท็บ policies ครับ
8. จะเจอตัวเลือก 2 ตัวให้เลือกไปที่ตัวแรกครับ

เท่านี้ก็สำเร็จแล้วครับไม่ชอบใจยังไงก็มาด่ากันได้ครับสำหรับ การเอา USB ออกโดยไม่ต้อง Safety Remove พอเราปรับแต่งเสร็จแล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องคลิกที่ไอคอน Task bar เพื่อที่จะ Safety remove อีกต่อไปแล้ว โอ้วมันยอกมากเลยครับพี่น้องครับ!!!

จริงสิเกือบลืมให้เครดิตครับ ขอขอบคุณ www.zoi7.com ครับ

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

20 สุดยอด วิธีแก้ปัญหากวนใจชาว Windows

โอ้สวรรค์! เป็นเรื่องดีจริงๆ ที่ระบบ Windows เป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลย ปัญหาพวกระบบค้างและบั๊กต่างๆ ที่มาคอยกวนใจเราชาว XP ก็หาได้ยากยิ่งนัก เอาล่ะ…พอเหอะ! ที่ชาวบ้านเค้าจะเผ่นหนีไปใช้ Linux หรือ OS อื่นๆ กันหมด เพราะพวกเค้าเริ่มทนไม่ได้กับปัญหาเหล่านั้นแล้วล่ะ
จริงๆ แล้วคุณก็พอแก้ปัญหาได้อยู่ใช่มั้ย? คุณมี System Restore ที่ใช้แก้ปัญหาแบบฟันฉับเดียวรักษาทุกโรค หรือถ้าอาการหนักจริงๆ ก็เสกคาถา [F8] ตูมเดียวให้ระบบเลือกบูท Last Known Good Configuration เป็นท่าไม้ตายสุดยอด
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยให้คุณจัดการกับ เรื่องยุ่งยากทั้งหลายกับ 20 วิธีแก้ปัญหาชิวๆ ที่แม้ไม่สามารถชุบชีวิต PC ที่ขึ้นสวรรค์ไปแล้วให้กลับมาได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณสุขภาพจิตดีขึ้นบ้างล่ะน่า ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมพังหรือเน็ตเวิร์กทำงานแปลกๆ หรือเมื่อระบบไม่ยอมให้คุณใช้งานใดๆ เรารวบรวมไว้ให้คุณทั้งหมดแล้ว

1. วิธีใช้งาน CHKDISK แบบเร็ว
เมื่อแน่ใจว่าฮาร์ดดิสก์เกิดอาการเพี้ยนๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการแปลกๆ ตอนบูทเครื่อง, เปิดโปรแกรมไม่ค่อยขึ้น หรือมีข้อความแปลกๆ ไม่ได้รับเชิญปรากฎขึ้นมา คงต้องใช้ Chkdsk ที่มากับ Windows XP เพื่อสแกนตรวจหาปัญหาใน sector ของฮาร์ดดิสก์และซ่อมมันให้เรียบร้อย แม้ว่าคุณสามารถเปิดโปรแกรมได้จาก Recovery Console แต่ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เพียงคลิกขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties มองหาช่องที่เขียนว่า Tools แล้วคุณจะเห็นปุ่มที่ใช้เรียกมันขึ้นมา หากคุณต้องการสแกนไดรฟ์หลัก คุณจะต้องสั่งรีบูทเครื่องหลังจากเสร็จสิ้นการสแกนด้ วย

2. ส่ง Error Reporting ไม่ได้
มันเป็นฟังก์ชันที่ดีมากๆ ที่ให้เราๆ สามารถส่งข้อมูลว่าโปรแกรมไหนเสียยังไงไปให้ Microsoft ได้ แต่บางทีฟังก์ชัน Error Reporting ก็เสียซะเองนี่สิ มันเป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโปรแกรมออนไลน์ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกมหรืออินเตอร์เน็ตบราวเซอร์ ก็มักจะมีปัญหาระบบภายในอยู่บ่อยๆ หากต้องการให้มันหายเป็นปกติ ก็ใส่ซีดีติดตั้ง XP เข้าไปแล้วพิมพ์คำว่า sfc/scannow ตรงหน้าต่าง Run เท่านี้ก็เรียบร้อย

3. เชื่อมต่อสัญญาณเน็ตเวิร์กไร้สายไม่ได้
หากคุณไม่สามารถเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กไร้สายได้ทั้งๆ ที่การทำงานของ WiFi ก็บอกคุณอยู่โท่งๆ ว่ามันมีสัญญาณเต็มเปี่ยม บางทีปัญหาอาจจะมาจากโปรแกรม Wireless Zero Configuration ของอีตา Microsoft ก็ได้ ให้คุณคลิกขวาที่ My Computer เลือก Manager แล้วขยาย Services and Applications ออกมา ภายใต้ Services หาคำว่า Wireless Zero Configuration แล้วดับเบิ้ลคลิก คุณจะมาโผล่ที่แท็บ General สั่ง Stop เพื่อหยุดการทำงานของมัน รอสักครู่แล้วสั่งเปิดการทำงานของมันใหม่ driver อุปกรณ์ไร้สายน่าจะทำงานถูกต้องแล้ว และคุณก็น่าจะเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว

4. ลืมรหัสผ่าน ทำไงดี?
หากคุณทำรหัสผ่านของ User Account หาย รีบูทเข้า Safe Mode เลือก log on user เป็น Administrator ปกติ account นี้จะถูกซ่อนอยู่ (ซึ่งคุณจะได้สิทธิ์และอำนาจเป็นผู้ดูแลระบบ) และหากคุณไม่เคยสร้าง account นี้ตอนติดตั้ง XP ก็กดเข้าไปได้เลย ไม่ต้องใส่รหัสผ่าน จากนั้นเปิด Control Panel แล้วสั่ง reset the User Account passwords เท่านี้ก็เรียบร้อย

5. ป้องกันการติดตั้ง driver
หากคุณต้องการเก็บ driver ของอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออยู่ในขั้นทดลองให้พ้ นจากระบบของคุณ คุณก็สามารถสั่งให้ Windows XP จัดการปิดบัญชีเรื่องนี้ได้เลย ให้เปิด System Properties แล้วคลิกแท็บ Hardware และเลือก Driver Signing ที่นี่คุณสามารถสั่งปิดกั้น driver ที่ไม่ได้เรื่องทั้งหมด (หรือจะให้มีข้อความขึ้นเตือนก่อนก็ได้) สั่งให้ป้องกันทั้งระบบ หรือไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ระบบคนอื่นๆ มาติดตั้ง driver ซี้ซั้วและอาจทำให้คุณตกที่นั่งลำบากได้

6. สำรองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไว้ขณะกำลังเขียนแผ่น CD/DVD
หากคุณสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่เขียนแผ่น CD หรือ DVD พื้นที่ฮาร์ดดิสก์จะลดลงไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าโปรแกรมเขียนแผ่นกำลังใช้พื้นที่ฮาร์ ดดิสก์ในการเก็บอิมเมจไฟล์ไว้ตรงไหนสักแห่งในเครื่อง PC ของคุณ ลองกลับไปดูตัวเลือกของโปรแกรมแล้วปิดคำสั่งเล่นซ่อน หาไฟล์อิมเมจนี้ซะ อ้อ! ปกติแล้วมันน่าจะเก็บไฟล์ไว้ที่ My Documents ไม่ก็ Program Files

7. หลีกเลี่ยงปัญหาตอนบูทเครื่อง
หากระบบของคุณบูทช้าแบบสุดๆ และคุณก็ไม่ต้องการติดตั้งระบบใหม่ งั้นลองฟังก์ชัน Hibernate แทนการปิดเครื่องดูสิ คุณสามารถเปิดการใช้งานนี้ได้โดยไปที่ Power Options (ซึ่งอยู่ใน Display Properties ของ Screen Saver) จากนั้นเมื่อคุณคลิก Turn Off Computer ให้กด [Shift] ค้างไว้แล้วเลือก Stand By เพื่อใช้คำสั่ง Hibernate นี้

8. อยากลบไฟล์งี่เง่าที่ลบยังไงก็ลบไม่ออก
หากคุณไม่สามารถลบไฟล์ด้วยวิธีธรรมดาๆ แล้ว ให้เปิด Command Prompt แล้วเปลี่ยน path ไปให้ถึงที่ที่ไฟล์เจ้าปัญหานั้นอยู่ จากนั้นสั่งปิด explorer.exe โดยใช้โปรแกรม Task Manager เลือกแท็บ Processes กลับไปที่ Command Prompt แล้วพิมพ์ DEL เว้นวรรค ตามด้วยชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ New Task แล้วพิมพ์คำว่า explorer.exeเสร็จแล้วก็เปิด Task Manager คลิก File เพื่อให้หน้าจอเดสก์ท็อปกลับมาเป็นอย่างเดิม

9. ไฟล์ไม่ได้มาตรฐานไสหัวไปให้หมด!!
อะจ๊าก! ค้างอีกแล้ว…มันเกิดอะไรขึ้น?
คุณไม่เพียงแค่อยู่ให้ห่างจาก driver ที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างเดียวเท่านั้น ไฟล์ที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เก ิดปัญหาได้ไม่แพ้กัน เพราะว่าระบบ PC มีการออกแบบที่ดีเยี่ยม (จริงแล้วห่วยสุดๆ ) แบบว่าไฟล์ระบบอาจถูกทับโดยการติดตั้งโปรแกรมหรืออุป กรณ์ต่างๆ หรือไม่ก็อาจถูกอัพเดทจากโปรแกรมหรือ malware ตัวร้ายได้เสมอ ดังนั้นคุณอาจต้องสแกนฮาร์ดดิสก์ของคุณแม้ไม่อยากทำเ ลยก็ตาม เพียงคลิก Run แล้วพิมพ์ sigverif โปรแกรม File Signature Verification ก็จะเปิดขึ้นมา ให้คุณคลิก Start เพื่อเริ่มทำงานได้เลย อย่าลืมเตรียมแผ่นติดตั้ง XP ไว้ให้พร้อมด้วยนะ
“หากระบบของคุณบูทช้า และคุณก็ไม่ต้องการติดตั้งระบบใหม่ ลองฟังก์ชัน Hibernate แทนการปิดเครื่องดูสิ”

10. ไดรฟ์ CD/DVD หายไปไหนแว้ว!?
เพราะว่า Windows XP มีเรื่องที่ต้องจดจำเยอะแยะไปหมด ฉะนั้น…บางทีเฮียเค้าเลยเกิดอัลไซเมอร์รับประทาน ลืมไดรฟ์ CD/DVD ของคุณไป แม้ว่ามันจะเห็นอยู่ทนโท่ใน Device Manager ก็ตาม ในกรณีนี้ให้คุณเปิด RegEdit แล้วไปที่ HKEY-LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentConstrolSet\Control\Cl ass\{4D36E965-E325-11CE-EBC1-08002BE10318} แล้วลบค่าใน UpperFilters กับ LowerFilters ออกไป จากนั้นรีบูทเครื่อง 1 ครั้ง คุณต้องติดตั้งโปรแกรมเขียนแผ่นใหม่ด้วยแหละ…ซวย 2 ชั้นของจริง

11. ไฟล์/โฟลเดอร์นี้…ฉันจอง
ถ้าหากคุณไม่สามารถทำอะไรกับไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่อยู่ ใน Windows XP ได้ เนื่องจากอาจมีใครใช้อยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณอาจต้องติดป้ายแสดงความเป็นเจ้าของไฟล์/โฟลเดอร์ไว้ โดยคลิกขวาที่ไฟล์/โฟลเดอร์ที่ต้องการแล้วเลือก Properties จากนั้นเลือก Security, Advance และ Owner ตามลำดับ ตรงรายชื่อให้คุณเลือก username ของคุณ (หรือ Administrator ถ้ามี) เสร็จแล้วเลือก Replace owner on subcontainers and objects

12. ยกเลิกการทำดัชนีไฟล์ (File Index)
หากคุณไม่ได้มีความจำเป็นเลิศเหมือนพวกปากหอยปากปู และปกติคุณก็ใช้โปรแกรม Search ในการค้นหาเฉพาะไฟล์เอกสารกับรูปภาพยุคพระเจ้าเหาแค่ นั้น การทำดัชนีไฟล์ดูจะเป็นการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกิน ไปจนทำให้อะไรๆ ช้าลงไป ถ้าอยากจะปิดมัน…ง่ายมาก เพียงเปิด My Computer คลิกขวาที่ไอคอนฮาร์ดดิสก์ เลือก Properties ให้ดูที่แท็บ General แล้วคุณจะเห็นตัวเลือกการทำดัชนีไฟล์ ให้สั่งปิดมันไปเลย…จบ

13. Firewall ที่น่ารำคาญ
หาก Firewall ที่ติดตั้งมากับ Windows ทำให้คุณประสาทเสียและคุณก็ไม่รู้จะปิดมันจาก control Panel ยังไง (เพราะว่าตัวเลือกที่จะปิด มันเป็นสีเทาอยู่น่ะสิ) ให้คุณเปิดหน้าต่าง Run แล้วพิมพ์ net start SharedAccess ไม่ต้องมีเครื่องหมายคำพูดนะ และกลับกัน…หากคุณต้องการปิดมันก็ให้พิมพ์ net stop SharedAccess

14. อย่าใช้ Super Prefetch เลยคุณ
ไอ้ที่เค้าคุยไว้ว่าจะมีฟังก์ชันที่เข้ามาช่วย registry ให้สามารถทำงานได้เร็วฟ้าผ่า ด้วยเทคโนโลยี Super Prefetch ที่มีเฉพาะ Service Pack 2 กับ Windows Vista น่ะ ขี้โม้สุดๆ เลยคุณ เพราะแม้ว่าจะปรับ registry ไปแล้ว ระบบของคุณก็ยังทำงานช้าเป็นเต่าอยู่ดี เว้นแต่คุณจะสั่ง defrag ไฟล์ Prefetch ซะก่อน เพียงเปิดหน้าต่าง Run แล้วพิมพ์ defrag c: -b

15. Logon ให้เร็วขึ้น
Autoexec.bat เป็นไฟล์ที่ใช้สั่งให้โปรแกรมทำงานตอนบูทเข้าระบบ Windows แต่ก็ไม่มีความจำเป็นแล้ว เพราะว่า Windows XP ทำงานด้วยขั้นตอนที่ต่างไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายโปรแกรมที่ยังมีไฟล์นี้อยู่ และบางทีก็อาจทำให้การเข้าระบบเร็วขึ้นก็ได้ งั้นอย่ารอช้า รีบเปิด RegEdit แล้วไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Winlogon แล้วสร้างหรือแก้ไขค่าของ ParseAutoexec DWORD ให้เป็น 0 จากนั้นรีบูทเครื่องดู

16. ปิดเครื่องแล้วค้าง ทำไงดี?
ถ้าคลิก Shut Down แล้วอีก 20 นาทีต่อมาเครื่องของคุณยังค้างอยู่ แถมยังเจอปัญหาว่า Adobe Reader เพี้ยนไปแล้ว ปิดไม่ลงจ้า!! คงน่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ แต่ไม่เป็นไร ให้คุณไปจบชีวิตเพี้ยนๆ ของมันที่ RegEdit และเข้าไปเปลี่ยนค่าของ HKEY_USERS\DEFAULT\Control Panel\Desktop\AutoEndTasks ให้เป็น 1 ค่านี้จะทำให้ Windows XP หลับหูหลับตาปิดข้อความแจ้งปัญหาที่จะทำให้ระบบของคุ ณทำงานช้าลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมด

17. ปัญหาโปรแกรมไม่เสถียร
ถ้าอยู่ๆ โปรแกรมที่เคยใช้งานดีๆ เกิดดื้อแพ่ง ระเบิดตัวเองหรือค้างแหง่กๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นไปได้ว่าไฟล์ .dll ของมันเองอาจทำงานไม่เรียบร้อยตอนที่คุณเลิกใช้โปรแก รมนั้นๆ พอนานเข้า ก็เลยยิ่งไม่เสถียรหนักขึ้นเรื่อยๆ ว่าแล้วก็เปิด RegEdit แล้วไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer แล้วสร้างค่า DWORD ที่ชื่อว่า AlwaysUnloadDll ขึ้นมาใหม่ แล้วตั้งค่าให้เป็น 1

18. ล้างบางข้อมูลตอนติดตั้งโปรแกรม
เมื่อเวลาติดตั้งโปรแกรมผิดพลาดและคุณไม่สามารถติดตั ้งใหม่ได้ (มักมีอะไรบางอย่างผิดปกติจนทำให้เกิดความผิดพลาดในซ อฟต์แวร์ Java) ดังนั้นคุณจะต้องเอาไฟล์เน่าๆ ที่ค้างอยู่ในเครื่อง PC ของคุณตอนติดตั้งครั้งแรกออกไปซะก่อน แต่ถ้าจะมานั่งหาเองคงไม่หมู เพราะไฟล์ส่วนใหญ่จะหลบอยู่ตามหลืบต่างๆ ทางที่ดีควรใช้โปรแกรม Windows Installer CleanUp จัดการให้ดีกว่า คุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ได้ที่ support.microsoft.com/kb/290301 แล้วใช้มันสแกนหาเศษซากไฟล์ที่เหลืออยู่ติดตั้งเพื่อ ให้คุณลบมันทิ้งไปเอง

19. Defragment สะดุด…ทำไงดี?
ถ้าเกิดโปรแกรม Defragment ที่ติดมากับ Windows ทำงานอืดลงกว่าเมื่อก่อน หรือไม่ยอมทำงานให้คุณเลย อาจเป็นเพราะว่ามี sector ในฮาร์ดดิสก์เสียจนทำให้ระบบหยุดการทำงานก็เป็นได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว สาเหตุน่าจะมาจากไฟล์สำรองที่โปรแกรมเว็บบราวเซอร์เก ็บไว้ทำ cache เป็นตัวก่อปัญหามากกว่า วิธีง่ายๆ ที่จะเขี่ยไฟล์เหล่านี้ออกไป ก็เพียงแค่ใช้โปรแกรม Chkdsk ก่อนทุกครั้งที่จะใช้โปรแกรม Defragmenter ก็เท่านั้น

20. ครั้นจะปิดโปรแกรม Outlook มันช่างยากเย็นกว่าที่คุณคิด…
หากคุณใช้ Outlook 2003 อยู่ ก็คงเห็นไอคอนโปรแกรมอยู่ตรง system tray และมันก็ยังทำงานไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าคุณจะสั่งปิดโปรแกรมไปแล้วก็ตาม แบบว่ามันยังตรวจเช็คอีเมลอยู่ แต่ไม่ยอมให้คุณใช้งานมันแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ให้คุณใช้ Task Manager สั่งจับตายทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Outlook ให้หมด จากนั้นค่อยเปิด Outlook ใหม่แล้วคลิก Tools, Options, Other, Advanced Options และเลือก COM Add-ins ตามลำดับ พวกโปรแกรมเสริมที่เห็นนี้คือโปรแกรมยี่ห้ออื่น (เช่น ตัวสแกนไวรัส) และหากโปรแกรมเหล่านี้ยังทำงานอยู่ตอนที่คุณสั่งปิดโ ปรแกรมไป (แบบว่ายังสแกนอีเมลของคุณอยู่) โปรแกรมนั้นก็จะยังทำงานที่ค้างอยู่ต่อไป ดังนั้นให้คุณยกเลิกการใช้ Add-ins นี้ทีละอันจนกว่าคุณจะเจอว่าโปรแกรมไหนที่สร้างปัญหา ให้คุณ

ข้อมูลจาก : thaigaming.com

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บั๊กใน Firefox

หลังจากที่นายเกาเหลาล้างท่อ Windows เพื่อเก็บกวาดขยะที่ค้างคาอยู่ในระบบออกไป เมื่อเปิดขึ้นทำงานอีกครั้งก็ปรากฏว่า Firefox มีปัญหาในการแสดงผล โดยหน้าเว็บต่างๆ ที่แสดงใน Firefox จะกระโดดขึ้นลงทุกครั้งไป หลังจากที่นายเกาเหลาพยายามค้นหาคำตอบอยู่เป็นชั่วโมงจึงพบที่มาของปัญหาดังกล่าว

อาการที่พบเป็นข้อผิดพลาดในการทำงานของ Firefox จริงๆ โดยในระหว่างที่ล้างท่อให้ Windows อยู่นั้น มันมีการจัดการ Bookmarks ด้วย ซึ่งปรากฏว่า ข้อมูลในโฟลเดอร์ Bookmarks Toolbar ของ Firefox ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย ทำให้บราวเซอร์จิ้งจอกอัคคีตัวนี้เกิดอาการว้าวุ่นไม่สบายใจ แสดงผลหน้าเว็บเด้งขึ้นลงอย่างที่เล่าให้ฟังในตอนต้น


แล้วสั่ง Bookmark ด้วยการกดปุ่ม Ctrl+D ในไดอะล็อกบ็อกซ์ที่โผล่ขึ้นมา ตั้งชื่อบุ๊กมาร์ก จากนั้นในช่องดรอปดาวน์ลิสต์บ็อกซ์ที่อยู่ถัดจากข้อความว่า “Create in” ให้คลิ้กเลือกเป็น Bookmarks Toolbar แล้วคลิ้กปุ่ม OK เพียงแค่นี้ อาการตื่นเต้นตกใจดังกล่าวของ Firefox ก็จะหายไป

อีกวิธีหนึ่งก็คือ สั่งซ่อน (hide) Bookmarks toolbar ไปเลย โดยคลิ้กเมนู View เลือก Toolbars แล้วยกเลิกเช็กบ็อกซ์หน้า Bookmarks Toolbar แต่นี่เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้นนะครับ

ทิปจาก : www.arip.co.th

ปัญหาเสียงรบกวนจาก Feedback

สถานรับเลี้ยงเด็กวัยก่อนเรียนแห่งหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ที่สำนักงานได้ติดตั้งเว็บแคมแบบที่มีไมโครโฟนในตัวไว้ให้บริการลูกค้าด้วย โดยผู้ปกครองสามารถเปิดอินเทอร์เน็ต เพื่อเข้ามาทักทายบุตรหลานได้ ซึ่งพีซีที่ใช้ในการให้บริการนี้จะเชื่อมต่อเว็บแคมดังกล่าวพร้อมทั้งเปิดไฟล์เพลงเล่นคลอไปด้วย แต่ปัญหาที่พบคือ มันมีเสียงรบกวนเกิดขึ้น

เท่าที่ฟังข้อมูลการคอนฟิกระบบในขั้นต้น ปัญหาของเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นน่าจะมาจาก ‘ฟีดแบ็ก’ (feedback) หรือการป้อนกลับของเสียงเพลงที่เล่นออกมาจากพีซีที่ป้อนกลับเข้าไปในไมโครโฟนของเว็บแคมที่ต่อเชื่อมอยู่บนพีซีเครื่องเดียวกัน จนเกิดเป็นเสียงรบกวนแสบแก้วหูกันไป ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานที่พบเห็นได้อยู่เสมอ อย่างเช่นในห้องประชุมที่ใช้ไมโครโฟน และลำโพง หากเราเอาไมค์ไปอยู่หน้าลำโพงจะเกิดเสียงหอนขึ้นมา

ในที่นี้ หากทางศูนย์ต้องการตัดวงจรของการเกิดฟีดแบ็ก แนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์เป็น 2 ตัวแทน โดยแยกคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อไมโครโฟนกับเล่นเพลงไว้คนละเครื่อง หากไม่สะดวก หรือเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป ก็หาเครื่องเสียงเปิดเพลง แทนที่จะเชื่อมต่อทั้งหมดบนพีซีเครื่องเดียวกันครับ

ทิปจาก : www.arip.co.th

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การแชร์ Internet ADSL ด้วย ICS (Internet Connection Sharing)

ในยุคสมัยนี้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือ ADSL หลายคนต้องมีใช้งานในบ้านกันอยู่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนรหัสผ่านมีเพียงชุดเดียว แต่ว่าภายในบ้านมีเครื่องคอมพ์มากกว่า 1 เครื่อง ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตพร้อมๆ กัน นอกเหนือจากการใช้งานเครือข่ายไร้สายแล้ว ผมก็มีวิธีการตั้งค่าแชร์อินเทอร์เน็ต ADSL แบบง่ายๆ มาให้ลองใช้งานกันดูกัน ตามมากันเลย
อันดับแรกก็คงต้องทำให้เครื่องให้สามารถออกอินเทอร์เน็ตได้ก่อน โดยเครื่องนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือโมเด็มเอาไว้สำหรับต่ออินเทอร์เน็ต โดยตัวเครื่องต้องมีระบบเน็ตเวิร์กติดตั้งเอาให้เรียบร้อยก่อน สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือการแชร์ ICS ซึ่งเป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พีให้ทำงานขึ้นมา ขั้นตอนแรกก็ง่ายๆ ครับ ก่อนอื่นให้เซตอัพการ์ดเน็ตเวิร์กในเครื่องแรกให้มีการเซตอัพค่าหมายเลข IP ก่อน โดยการทำขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มแรกคลิกที่ปุ่มสตาร์ต เลือกที่ Control Panelจากนั้นให้เลือกที่ Network Connections


2. คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่ Local Area Connection เลือกที่ Properties แล้วก็จะปรากฏหน้าต่าง Properties ของเน็ตเวิร์กขึ้นมา


3. ให้กำหนดค่าของหมายเลขไอพีให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะออกอินเทอร์เน็ต โดยให้เลือกที่ TCP/IP จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Properties เพื่อเตรียมกำหนดค่า IP Address โดยเมื่อหน้าต่าง TCP/IP Properties


4. จากนั้นกำหนดหมายเลข IP ให้กับเครื่องเป็น 192.168.0.1 เพื่อกำหนดให้เป็นเครื่องแรก จากนั้นป้อนค่า Subnet Mark โดยให้มีค่าเป็น 255.255.255.0


5. จากนั้นไปกำหนดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งในที่นี้เราใช้การ Dial up ออกสู่อินเทอร์เน็ต ดังนั้นควรจะติดตั้งโมเด็มและสร้าง Connection สำหรับโมเด็มให้เรียบร้อยก่อนที่เข้าสู่การแชร์อินเทอร์เน็ต

วิธีการแชร์อินเทอร์เน็ต
1. เริ่มต้นคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือก Control Panel แล้วเลือกที่ Network Connection เช่นเดิม
2. ต่อมาให้คลิกขวาที่ไอคอนของไดอัลอัพที่เราจะใช้โมเด็มหมุนออกอินเทอร์เน็ตต่อไปและเลือกที่ Properties
3. จากนั้นให้เลือกที่แท็บ Advanced เพื่อกำหนดการแชร์อินเทอร์เน็ต จะเห็นหน้าต่างของการแชร์อินเทอร์เน็ตขึ้น โดยจะอยู่ในกรอบ Internet Connection Sharing ที่นี้ก็ให้เราคลิกเช็กบ็อกซ์เลือกที่ "Allow other network users to connect through this computer's internet connection" ซึ่งก็จะปรากฏหัวข้ออีกสองอันขึ้นมา

"Establish a dial-up connection whenever a computer on my network attempts to access the internet" "หัวข้อนี้จะหมายความว่า จะยอมให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่ต่ออยู่กับเน็ตเวิร์กนั้น สามารถไดอัลอัพโมเด็มที่อยู่ในเครื่องหลัก เพื่อออกสู่อินเทอร์เน็ตได้ หากว่าต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือไม่ หากต้องการให้ต้องไดอัลผ่านคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็ให้เช็กบ็อกซ์ที่อยู่ด้านหน้า หรือหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไป

"Allow other network users to control or disable the shared internet connection" หมายถึงว่าให้ผู้ใช้บนเครื่องอื่นๆ นั้น สามารถควบคุมหรือยกเลิกการแชร์อินเทอร์เน็ตในเครื่องหลักได้หรือเปล่า ซึ่งหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไปเช่นเดียวกัน โดยตามปกตินั้น ให้เราเอาหัวข้อทั้งสองออก โดยไม่ต้องไปเช็กบ็อกซ์ นั่นเอง

หลังจากนี้ก็ให้ปิดหน้าต่างทุกหน้าต่างลง เท่านี้การเซตอัพเครื่องสำหรับเตรียมให้บริการแชร์อินเทอร์เน็ตเสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนการเซตอัพเครื่องในระบบเครือข่าย
หลังจากที่เซตอัพเครื่องหลักเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาถึงการเซตอัพเครื่องลูกข่ายเพื่อให้ใช้อินเทอร์เน็ตที่แชร์เอาไว้บ้างล่ะครับ ซึ่งก็เรียกว่าไม่แตกต่างไปจากการเซตอัพเครื่องหลักมากนัก โดยเราจะเน้นกันที่การเซตอัพเน็ตเวิร์กเป็นหลักซึ่งสิ่งที่ต้องการสำหรับเครื่องลูกนี้ก็คือการ์ดเน็ตเวิร์กที่เซตอัพเรียบร้อยสามารถทำงานได้เท่านั้น โดยเครื่องนี้เราไม่ต้องมีโมเด็มก็ได้ เพราะไม่จำเป็นแล้ว
เริ่มต้นด้วยการกำหนดหมายเลขไอพี สำหรับเครื่องที่ 2 โดยทำขั้นตอนเหมือนกับการเซตอัพเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แต่เปลี่ยนหมายเลขไอพีให้เป็น 192.168.0.2 แทน โดยกำหนดให้หมายเลข 2 ตัวสุดท้ายที่เปลี่ยนแปลงนั้นหมายถึงเลข IP ประจำเครื่องที่ 2 และหากมีเครื่องมากกว่านี้ ก็ให้กำหนดเพิ่มขึ้นไป เช่น 3, 4, 5 ... นั่นเอง



หลังจากที่เรากำหนดหมายเลขไอพีเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเช็กดูว่าเครื่องที่ใช้อยู่นั้น มีหมายเลข IP ตามที่กำหนดหรือไม่ โดยการคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือกที่ RUN แล้ว พิมพ์คำว่า Command ลงไป ให้ลองตรวจสอบหมายเลขไอพี โดยพิมพ์คำว่า "IPCONFIG" ลงไปที่คอมมานพรอมต์ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะปรากฏหมายเลข IP พร้อมกับหมายเลข Subnet Mark
ที่นี้ลองตรวจสอบดูว่าเครื่องที่เราเซตอัพอยู่นี้ สามารถมองเห็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการแชร์อินเทอร์เน็ตหรือไม่ โดยการใช้คำสั่ง PING ไปที่ เครื่องหลัก โดยสั่งว่า PING 192.168.0.1 ที่คอมมานพรอมต์ เพื่อตรวจสอบแพ็กเกจข้อมูล เมื่อเครื่องลูกสามารถมองเห็นเครื่องแม่แล้ว
ทีนี้เราก็เหลือขั้นตอนการเซตอัพอยู่อีกขั้นตอนเดียวก็คือการเซตอัพคอนฟิกในIE เพื่อให้ตรวจสอบ Proxy โดยอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเช่นเดียวกัน ขั้นตอนแรกก็เรียก IE ขึ้นมา และให้คลิกที่เมนู Tools และเลือกที่ Internet Options...

จากนั้นให้คลิกที่แท็บ Connections แล้วคลิกที่ปุ่ม LAN Settings ซึ่งอยู่ในส่วนของ Local Area Network (LANs) Settings ให้คลิกเช็กบ็อกซ์ "Automatically detect setting" เพื่อกำหนดให้ตรวจสอบ Proxy Server โดยอัตโนมัติ
หลังจากนี้ก็ให้คลิกที่ปุ่ม OK และออกจากการเซตอัพ Internet Options นี้ ซึ่งเท่านี้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มากกว่าสองเครื่องในบ้านคุณ ก็พร้อมจะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้แอ็กเคานต์และคู่สายโทรศัพท์เพียงคู่เดียว บนวินโดวส์เอ็กซ์พีแล้ว
ทิปจาก : www.arip.co.th


ลบ Cookies แล้วเว็บไซต์ไม่รู้จัก?

ถาม: ผมลบคุ้กกี้ (cookies) ออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งล่าสุดผมไม่สามารถกลับเข้าไปใช้งานเว็บไซต์ขาประจำของผมได้อีก อยากทราบว่า ผมจะต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อให้สามารถกลับเข้าไปใช้งานได้เหมือนเดิมครับ?

ตอบ: ปกติ “คุ้กกี้” (Cookies) จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากมันช่วยให้การเข้าใช้งานบางเว็บไซต์ง่ายขึ้น ดังนั้น ผมมักจะไม่ค่อยแนะนำให้ผู้ใช้ลบมันออกไป การที่เว็บไซต์จำผู้ใช้ไม่ได้ มีสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือ คุณได้ลบคุ้กกี้ของเว็บไซต์นั้นออกไปแล้ว หรือกำหนดค่าให้บราวเซอร์กัน(block) ไม่ให้ยอมรับคุ้กกี้ สำหรับวิธีเปลี่ยนค่าการทำงานให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ถ้าเป็น IE ให้คลิกเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options คลิกแท็บ Privacy กำหนดตัวเลื่อนไปที่ Medium คลิกปุ่ม Apply ตามด้วยปุ่ม OK แต่ถ้าเป็น Firefox คลิกเมนู Tools เลือกคำสั่ง Options แล้วคลิกแท็บ Privacy คลิกเลือก Cookies ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าได้เลือกเช็คบ๊อกซ์หน้าข้อความ “Allow sites to set Cookies” แล้ว คลิกปุ่ม OK เป็นอันเรียบร้อย
ทิปจาก : www.arip.co.th

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ระวังก่อนสั่ง Recovery เครื่อง

สมัยนี้บรรดาผู้ผลิตโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังๆ เขามักจะมีตัวช่วยผู้ใช้อย่าง Recovery เอาไว้ ยามที่เครื่องมีปัญหา แค่สั่ง Recovery ทุกอย่างก็จะกลับไปสะอาดใสใหม่กิ๊กอีกครั้ง แต่เพื่อนๆ ทราบไหมว่าการสั่ง Recovery จะมีผลอะไรบ้าง ที่แน่ๆ มีข้อควรระวังที่ห้ามมองข้ามเลย มิฉะนั้นจะต้องร้องเสียดายข้อมูลกับระงมครับ
สำหรับหลักการทำงานของการ Recovery ของโน้ตบุ๊กแต่ละยี่ห้อ อาจมีความแตกต่างกันบ้างในรายปลีกย่อย แต่ส่วนใหญ่จะมีหลักการทำงานคล้ายกัน กล่าวคือคำสั่ง Recovery จะเข้าจัดการลบพาร์ทิชันซึ่งคุณได้แบ่งไว้เพื่อเก็บสำรองข้อมูล ให้คืนกลับเป็นเหมือนเมื่อครั้งที่เครื่องมาใหม่ จากนั้นก็จะฟอร์แมต แล้วติดตั้งโอเอสพร้อมไดรเวอร์ และซอฟต์แวร์พื้นฐาน
ดั้งนั้นก่อนที่จะสั่ง Recovery สิ่งที่ควรทำคือ ให้สำรองข้อมูลสำคัญๆ ลงในแผ่นซีดี ดีวีดีแฟลชไดรฟ์ หรือฮาร์ดดิสก์แบบ External (หากมี) หรือบางคนไฮโซหน่อยก็อาจสำรองข้อมูลลงใน iPod แทนก็ไม่ผิดกติกาอะไร แต่ถ้าคุณใช้ไฮสปีดก็อาจเลือกที่จะสำรองผ่านเว็บที่ให้บริการฝากข้อมูลต่างๆ อย่าง www.yousendit.com, http://uploadingit.com หรือจะใช้ www.Ziddu.com ที่นายเกาเหลาได้แนะนำแล้วในทิปแรกก็ได้ เรื่องการสำรองข้อมูลนี้นายเกาเหลาขออธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งว่าเราทำได้เฉพาะข้อมูล (Data) เท่านั้น ส่วนโปรแกรมที่ติดตั้งต่างๆ จะสำรองได้เฉพาะตัวโปรแกรม หลังจากที่ Recovery เครื่องเสร็จแล้ว คุณจะต้องติดตั้งใหม่เอาเองครับ
ข้อมูลจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY

กลัวถูกถ้ำมอง ทำไงดี?

เพื่อนนายเกาเหลากำลังปวดหัวกับปัญหาที่ลงโปรแกรม Logmein (โปรแกรมประเภทรีโมทควบคุมคอมพิเตอร์เครื่องอื่น) แต่พอจะลบโปรแกรมออก มันก็ไม่ยอมออก เข้าข่ายดื้อด้าน แถมยังกลัวอีกว่าเครื่องตัวเองจะถูกแอบดู หรือจะมีวิธีตรวจสอบยังไงว่ามีใครแอบดูหน้าจอเราอยู่หรือเปล่าโปรแกรม Logmein ถือเป็นโปรแกรมประเภท Remote Desktop สำหรับล็อกอินเข้ามาที่เครื่องคอมพ์และควบคุมได้จากระยะไกล ซึ่งหากได้ Uninstall ออกไปแล้วก็จะไม่มีโปรแกรมนี้ค้างอยู่ในเครื่องแล้ว ส่วนการตรวจสอบว่ามีใครเข้ามาดูหรือไม่ มีวิธีตรวจสอบได้ง่ายๆ โดยให้คุณเปิดหน้าต่าง DOS ขึ้นมา โดยพิมพ์คำสั่ง cmd ในช่อง Run จากนั้นพิมพ์ Netstat 10 (โดยที่ 10 หมายถึงการให้มีการอัพเดตข้อมูลทุก 10 วินาที) ซึ่งคุณสามารถดูได้ว่ามีใครเข้ามาในเครื่องหรือไม่ โดยสามารถดูหมายเลขไอพีแอดเดรสได้ด้วย ส่วนเลขไอพีแอดเดรสของคุณจะแสดงในช่อง Localhost และเลข 127.0.0.1 ซึ่งเป็นการเรียกใช้งานจากเครื่องของคุณเอง เอาละตอนนี้รีบไปตรวจโดยด่วนว่าเครื่องคุณมีใครแอบดูหรือถ้ำมอง?

ทิปจาก : www.arip.co.th