วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Smart Tip: ปกป้องพาสเวิร์ดทั้งหมดใน Firefox

ถาม: ผมได้ยินมาว่า ผู้ไม่หวังดีสามารถแอบดูพาสเวิร์ดทั้งหมดที่เก็บไว้ในบราวเซอร์ได้ แต่ผมก็ไม่ทราบรายละเอียด ตลอดจนวิธีป้องกัน รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ ตอนนี้ผมใช้บราวเซอร์ Firefox 1.5 ทำงานบน Windows XP ครับ
ตอบ: Firefox Password Manager เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก โดยมันช่วยให้เราสามารถล็อกออนเข้าไปในเว็บไซต์ที่มีการป้องกันได้อย่างง่ายดาย แต่ในทางกลับกัน ยิ่งมันง่ายมากเท่าไรมันก็ยิ่งไม่ปลอดภัยเท่านั้น เนื่องจากใครก็ตามที่ใช้คอมพิวเตอร์ของคุณจะสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีระบบป้องกัน และสามารถดูพาสเวิร์ดทั้งหมดได้อย่างง่ายดายอีกด้วย สำหรับวิธีป้องกัน ผู้ใช้บราวเซอร์ Firefox ควรจะตั้งรหัสผ่านให้กับ Password Manager เพื่อให้เวลาที่เรียกใช้งาน (ไม่ว่าจะเป็นคุณ หรือใครก็ตาม) จะถูกร้องขอให้ป้อน Master password ในขั้นตอนแรกก่อน จากนั้นจึงจะสามารถล็อกออนเข้าสู่เว็บไซต์ที่ป้องกันได้



คลิกปุ่ม Set Master Password...


ยิ่งแท่งกราฟยาวเท่าไร รหัสผ่านที่ตั้งก็มีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

ขั้นตอนของการตั้ง Master password ใน Firefox ให้คลิกเมนู Tools เลือกคำสั่ง Options คลิกแท็บ Privacy คลิกปุ่ม Set Master Password แล้วพิมพ์รหัสผ่านเข้าไปใหม่ สังเกตที่ด้านล่างจะมีแท่งกราฟแสดงคุณภาพความแข็งแรงของพาสเวิร์ดที่ตั้ง (Quality Meter) ยิ่งแท่งกราฟที่เห็นในรูปยาวมากเท่าไร นั่นแสดงว่า พาสเวิร์ดที่ตั้งมีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

ที่มา: www.arip.co.th

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Download: SpeeDefrag ดีแฟลกแบบเร่งด่วน

พวกเราต่างทราบกันดีว่า การทำดีแฟลก (Defragging) ให้กับคอมพิวเตอร์ เป็นขั้นตอนของการบำรุงรักษาเครื่องให้มีประสิทธิภาพการทำงานของระบบดีขึ้น และทุกท่านก็คงจะทราบดีว่า การทำดีแฟลกใช้เวลานานแค่ไหน บ่อยครั้งที่มันใช้เวลาไปทั้งสิ้น 3 – 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว
คอลัมน์ดาวน์โหลดวันนี้จะช่วยลดความลำบากใจในการทำดีแฟลกให้ระบบ โดยยูทิลิตี้ที่จะแนะนำต่อไปนี้จะช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการทำดีแฟลกลง ในขณะที่ผลลัพธ์ของการทำงานที่ได้ไม่ต่างจากโปรแกรมดีแฟลกของ Windows สำหรับโปรแกรมดังกล่าวมีชื่อว่า SpeeDefrag ซึ่งนอกจากมันจะสามารถทำดีแฟลกได้เร็วกว่าจนน่าตกใจแล้ว มันยังมีคุณสมบัติการทำงานบางอย่างที่อาจมีประโยชน์มากสำหรับผู้ใช้บางท่านอีกด้วย สาเหตุที่ทำให้ SpeeDefrag สามารถทำดีแฟลกได้เร็วกว่าเพื่อนก็คือ สิ่งที่มันทำก่อนการเริ่มดีแฟลกนั่นเอง กล่าวคือ SpeeDefrag จะรีสตาร์ทระบบก่อน เพื่อเริ่มทำงานเฉพาะโปรแกรม SpeeDefrag เพียงโปรแกรมเดียวเท่านั้น ซึ่งมันทำให้คุณลดเวลาในการทำดีแฟลกลงได้มากทีเดียว

ในส่วนของคุณสมบัติการทำงานเพิ่มเติมของโปรแกรมอย่างเช่น การกำหนดให้โปรแกรมดีแฟลกเฉพาะไดรฟ์ที่ต้องการ หรือแม้แต่กำหนดตารางเวลาในการทำดีแฟลกโดยอัตโนมัติ เช่น ช่วงพักเที่ยง เป็นต้น และสุดท้าย แต่ไม่ใช่ท้ายสุดก็คือ คุณสามารถตั้งเวลาให้ SpeeDefrag ชัตดาวน์ระบบหลังจากการทำดีแฟลกเสร็จเรียบร้อยแล้วได้อีกด้วย ซึ่งทำให้ปัญหาลืมปิดเครื่องหมดไป เช่น คุณสามารถสั่งดีแฟลก แล้วไปเข้านอนได้เลย พอตอนเช้า เครื่องจะชัตดาวน์ไปแล้ว และพร้อมเปิดใช้งานด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

windows: ต่ออายุ"พาสเวิร์ด"แล้ว?

คุณผู้อ่านทราบไหมครับว่า Windows XP Professional, Windows Vista Business และ Windows Vista Ultimate มาพร้อมกับคุณสมบัติที่อนุญาตให้ตั้งวันหมดอายุของพาสเวิร์ด (password) บัญชีผู้ใช้ได้ ปัญหาก็คือ เมื่อบัญชีผู้ใช้เครื่องหมดอายุลงโดยที่คุณไม่รู้วิธีเข้าไปแก้...จะทำอย่างไร?

สำหรับวิธีเข้าไปตั้งค่าให้พาสเวิร์ดไม่มีวันหมดอายุในกรณีที่ใช้ Windows Vista เวอร์ชันข้างต้น ให้เปิดหน้าแอดมินของ Local Users and Groups โดยพิมพ์คำสั่ง lusrmgr.msc ในช่องค้นหาของเมนู Start เลือก Users ในช่องซ้ายมือ แล้วดับเบิ้ลคลิ้กบนบัญขีผู้ใช้ของคุณ (ใน Windows XP ใช้คำสัง Run แทนกล่องค้นหา search box)


หน้าจอถัดมาคุณจะพบเช็คบ๊อกซ์ระบุว่า Password Never Expires ให้คลิกเลือกเครื่องหมายถูกหน้าข้อความนี้ดังรูป เพียงแค่นี้ก็เรียบร้อย


คราวนี้ถ้าคุณกำลังใช้ Windows XP หรือ Vista เอดิชั่น Home คุณต้องดาวน์โหลดยูทิลิตี้ User Manager สำหรับ XP/Vista Home แม้จะเป็นแชร์แวร์ แต่เวอร์ชันทดลองใช้จะสามารถแก้ปัญหาการหมดอายุของพาสเวิร์ดได้ครับ
ทิปจาก: arip.co.th

netbook: "คีย์ลัด-ประหยัดไฟ"

เน็ตบุ๊กส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับฟังก์ชันคีย์ (Function Key) ที่สามารถใช้งานร่วมกับปุ่ม Ctrl เพื่อปรับแต่งการทำงานของเครื่องได้ ซึ่งคีย์ลัดตัวแรกที่นำมาฝากนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานจากหน้าจอแสดงผลได้ นั่นก็คือ Ctrl+F5 เมื่อกดปุ่มนี้แสงสว่างที่หน้าจอเน็ตบุ๊กจะลดลง โดยเพียงแค่กด 1 - 2 ครั้ง คุณจะเห็นเวลาการใช้งานที่เหลือของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากค่าตั้งความสว่างของจอที่โรงงานมักจะเป็นค่าสูงสุด เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความสว่างสดใส ในขณะที่ความเป็นจริงคุณไม่ได้ต้องการความสว่างมากขนาดนั้น ที่สำคญมันเป็นตัวการที่ทำให้แบตฯหมดเร็วอีกด้วย

ส่วนคีย์ลัดอีกอันหนึ่งที่นำมาฝากกันจะใช้สำหรับปิด WLAN เมื่อเวลาที่ไม่ได้ใช้เน็ตไร้สาย นั่นก็คือ
Ctrl+F11 ซึ่งเป็นคีย์ลัดทีพบในเน็ตบุ๊กส่วนใหญ๋ โดยเมื่อต้องการใช้เน็ตไร้สายก็กดปุ่มนี้อีกครั้ง นับว่าเป็นคีย์ลัดที่สะดวกมาก นอกจากนี้มันยังใช้ควบคุมการเปิดปิด Bluetooth ด้วยในตัว ซึ่งฟังก์ชันการเชื่อมต่อไร้สายทั้งสองเทคโนโลยีนี้จะสวาปามพลังงานของแบตเตอรี่แบบไม่เกรงใจ ดังนั้น ทุกครั้งที่นึกได้ว่า กำลังใช้เน็ตบุ๊กทำงานที่ไม่ต้องใช้เน็ต ก็รีบกดคีย์ Ctrl+F11 เพื่อปิดฟังก์ชันดังกล่าวทันที เพียงแค่นี้ คุณก็มีแบตฯ เหลือใช้กลับมาอีกตรึม ที่สำคัญ การเปิดฟังก์ชันไร้สายทิ้งไว้ โดยไม่ได้ใช้งาน ยังเท่ากับการเป็นการปิดประตูรอให้แฮคเกอร์ได้มีโอกาสเจาะระบบเข้ามาเดินเล่นในเครื่องของเราอีกด้วย...
ทิปจาก : www.arip.co.th

Windows: เปลี่ยนแบ็คกราวด์"ล็อกอิน"

ขั้นแรกให้คุณกดปุ่ม Windows+R เพื่อเปิดไดอะล็อกบ๊อกซ์ Run จากนั้นพิมพ์คำสั่ง REGEDIT แล้วกดปุ่ม Enter เมื่อหน้าต่างโปรแกรมปรากฎขึ้นมา ในกรอบด้านซ้ายมือให้คลิ้กเข้าไปในรายการตามลำดับข้างล่างนี้
HKEY_USERS\.DEFAULT\Control Panel\Desktop
จากนั้นสังเกตที่กรอบทางขวามือ มองหารายการที่มีชื่อว่า Wallpaper ดับเบิ้ลคลิ้กบนรายการนี้ แล้วลบข้อมูลในนั้น (ซึ่งความจรงิก็คือ พาธที่เก็บไฟล์แบ็คกราวด์ของล็อกอินนั่นเอง) ก่อนที่จะใส่กลับเข้าไปด้วยพาธและชื่อไฟล์ภาพแบ็คกราวด์อันใหม่ของคุณ สำหรับอีกสองรายการที่เห็นจะเป็นวิธีการแสดงผล ซึ่งถ้าคุณดับเบิ้ลคลิ้กบนรายการ TileWallpaper และ WallpaperStyle โดยกำหนดทั้งสองค่าให้เป็น 0 ภาพแบ็คกราวด์ใหม่ของคุณจะปรากฎตรงกลางหน้าจอ แต่ถ้าให้ TileWallpaper เป็น 1 ภาพจะถูกเรียงต่อกันจนเต็มหน้าจอ และถ้าทิ้งให้ TileWallpaper เป็น 0 แล้วเปลี่ยนค่า WindowspaperStyle เป็น 2 มันจะทำให้ไฟล์ภาพแบ็คกราวด์ของคุณถูกขยาย (หรือย่อ) จนพอดีกับขนาดของหน้าจอ
ทิปจาก : www.arip.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แก้ปัญหาเอ็กซ์พีไม่เห็นไดรฟ์ยูเอสบี

หลายๆ คนแขวนชีวิตไว้บนอุปกรณ์ยูเอสบีที่ใช้สำรองข้อมูล อย่างนายเกาเหลาเองก็มีอุปกรณ์พวกนี้ถึงสองตัวด้วยกัน ตัวหนึ่งเป็นแฟลชไดรฟ์ อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเล่นเอ็มพีสาม และคาดว่ามือถือตัวใหม่ที่กำลังจะถอยออกมาด้วยเหมือนกัน

ปัญหาที่หลายๆ คนอาจจะเคยพบก็คือ อยู่ดีๆ อุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่ยอมทำงานกับพีซีเพื่อนรักเสียนี่ ถามผู้รู้บางคนก็โบ้ยว่า ไม่อุปกรณ์ USB ของเราเสีย ก็ส่วนควบคุมการทำงานของ USB มีปัญหา หรือบางทีพีซีเองนั่นแหละ แหม...เล่นตอบเหมาหมดอย่างนี้มันก็คงมีถูกบ้างอ่ะนะ แต่ความจริงก็คือ ผิดทุกข้อครับ เพราะมันไม่ได้มีอะไรเสีย ไดรฟ์ยูเอสบีก็ไม่เสีย เพราะไปลองกับเครื่องอื่น มันก็เวิร์ก ปัญหาคือ ความสับสนของการทำงานของระบบปฏิบัติการต่างหาก เนื่องจากในอดีตปัญหานี้จะเกิดกับไดรฟ์ CD/DVD เหมือนกัน และปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดจากความสับสนของรีจิสทรีที่อาจจะหายไป หรือก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งสาเหตุอาจมาจากแอพพลิเคชันบางตัวที่ติดตั้งเข้าไป พยายามติดตั้งเงื่อนไขในการแยกแยะไดรเวอร์สำหรับชนิดของอุปกรณ์ยูเอสบี ส่วนใหญ่จะเกิดจากแอพพลิเคชันบันทึกข้อมูลลงบนแผ่น CD/DVD ของผู้ผลิตทั่วไป

การแก้ปัญหาสามารถทำได้โดยลบรีจิสทรีคีย์ที่เสียหาย หรือมีรูปแบบไม่ถูกต้องออกไป เพื่อให้ XP ตรวจจับอุปกรณ์ยูเอสบีของเราได้ใหม่อีกครั้งตามปกติ ขั้นตอนการลบรีจิสทรีคีย์ตัวปัญหามีดังนี้

- เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Run (กดปุ่ม Windows + R) พิมพ์คำสั่ง regedit คลิ้กปุ่ม OK
- ในโปรแกรม Registry Editor คลิ้กเข้าไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Class\ {4D36E980-E325-11CE-BFC1-08002BE10318}. [USB_Device_Stop_Working1.jpg]

- ลบคีย์ที่มีชื่อว่า UpperFilters หรือ LowerFilters
- จากนั้นให้คลิ้กเข้าไปที่

HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Class\ {4D36E967-E325-11CE-BFC1-08002BE10318}. [USB_Device_Stop_Working2.jpg]


- ทำเหมือนข้อ 3 คือลบคีย์ UpperFilters หรือ LowerFilters
- รีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์

ข้อควรทราบก็คือ เมื่อคุณลบรีจิสทรีคีย์ที่มีปัญหานี้ออกไป แอพพลิเคชันเขียนแผ่น CD/DVD ที่ใช้การเปลี่ยนค่าของคีย์ข้างต้น (UpperFIlters, LowerFilters) จะไม่สามารถทำงานได้ และคุณอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวกนี้เข้าไปใหม่
ทิปจาก : www.arip.co.th

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Firefox : ท่องเน็ตแบบไม่ทิ้งร่องรอย

หลังจากที่แอปเปิ้ลออก Safari ที่รันบน Windows ออกมา เพื่อนๆ นายเกาเหลาหลายคน ถึงกับออกปากชื่นชมฟีเจอร์ Private Browsing คุณสมบัติการทำงานที่ช่วยดูแลความเป็นส่วนตัวในการท่องเว็บตามที่ต่างๆ ให้กับเขา ซึ่งผู้ใช้เว็บบราวเซอร์หลายท่านก็คงต้องการเช่นเดียวกัน นายเกาเหลาไม่รู้สึกประหลาดใจ หรือตื่นเต้นไปด้วย เนื่องจากไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเลย ซึ่งถ้าเพื่อนๆ เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Firefox มันมีเอ็กซ์เท็นชันที่สามารถทำให้ผู้ใช้ท่องเน็ตโดยปราศจากการทิ้งร่องรอยให้ทราบได้มาตั้งนานแล้ว

Distrust คือชื่อของเอ็กซ์เท็นชันสำหรับ Firefox ที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆ ที่กลัวว่า จะมีใครมาเกาะแกะ รื้อค้นข้อมูลการท่องเว็บของเรา ซึ่งคนผู้นั้นจะต้องผิดหวังไปอย่างแน่นอน เพราะเจ้า Distrust จะปิดปากเงียบด้วยการทำให้ร่องรอยการท่องเว็บของเพื่อนๆ อันตรธานหายไป หรือไม่ถูกจัดเก็บไว้ตั้งแต่เริ่มท่องเน็ตในแต่ละครั้ง

สำหรับการรักษาความลับ หรือกำจัดร่องรอยการท่องเว็บโดย Distrust จะเริ่มต้นตั้งแต่ เพื่อนเปิดการทำงานของมัน โดยเจ้า Distrust สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวให้กับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การยกเลิกการจัดเก็บข้อมูลเข้าไปในแคช (ทั้งปกติ และ SSL) การตั้งให้คุกกี้มีชีวิตการทำงานแค่ช่วงระหว่างการท่องเว็บเท่านั้น พอเลิกใช้มันจะถูกกำจัดทิ้ง การลบข้อมูลการท่องเว็บในอดีต (history) รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ดาวน์โหลดมาจาก Download Manager ซึ่งปกติไฟล์ดาวน์โหลดจะค้างอยู่ในเครื่อง นายเกาเหลาว่า แค่นี้ การท่องเว็บของเพื่อนๆ ก็มีความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แล้วล่ะ

Firefox : ติดตั้งไม่ได้...เพราะไฟล์เสีย

ทิปนี้สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหันมาใช้ Firefox หรือแม้แต่มือเก๋าก็อาจจะเคยประสบปัญหานี้กันมาบ้างแล้ว เรื่องของเรื่องก็คือ ผู้ใช้บางคนพบว่า หลังจากดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้ง Firefox จาก Mozilla มาเรียบร้อยแล้ว ขณะติดตั้งโปรแกรม ระบบกลับแจ้งข้อความผิดพลาดขึ้นมา โดยระบุว่า ไฟล์เสีย!!! (file is corrupt) หลายคนแก้ปัญหาด้วยการดาวน์โหลดไฟล์มาใหม่ แล้วลองติดตั้งอีกครั้ง แต่ก็ยังต้องพบกับปัญหาเดิมอีก
ก่อนอื่นนายเกาเหลาคงต้องบอกว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาข้างต้นนี้มีโอกาสได้มากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นผลมาจากการที่มีไฟล์ชั่วคราวในโฟลเดอร์ Temporary Internet Files มากเกินไป ซึ่งไม่ต้องแปลกใจสำหรับมือใหม่ที่มักจะบ่นว่า IE ทำงานช้ามาก ดังนั้น ขั้นแรกของการแก้ปัญหาลักษณะนี้ก็คือ อยากให้ลองลบไฟล์ชั่วคราวเหล่านี้ออกไปก่อน โดยใน IE คลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options คลิ้กปุ่ม Delete ในเซกชัน Browsing history จากนั้นคลิ้กปุ่ม Delete files ที่อยู่ในเซกชัน Internet Temporary Files ที่อยู่บนสุด หลังจากลบไฟล์ชั่วคราวออกหมดแล้ว คลิ้กปุ่ม Close ตามด้วยปุ่ม OK เป็นอันเรียบร้อย
นอกจากนี้ อยากให้ตรวจสอบระบบด้วยว่า มีไฟร์วอลล์แค่ตัวเดียวที่กำลังทำงานอยู่ในระบบขณะนั้น ซึ่งหากมี 2 ตัว โดยตัวหนึ่งเป็น Windows Firewall ให้ปิดการทำงานของไฟร์วอลล์ตัวนี้ลงไปก่อน เพราะมันค่อนข้างจะมีปัญหากับชาวบ้านพอสมควรหากแก้ปัญหาด้วยสองวิธีข้างต้นแล้ว ยังไม่สามารถติดตั้ง Firefox ได้อีก นายเกาเหลาว่า ปัญหาอาจจะอยู่ที่การ์ดเน็ตเวิร์กที่ใช้ ซึ่งโอกาสน้อยมาก ทางแก้คือ ตรวจสอบที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต ในกรณีที่ใช้ระบบเครือข่ายไร้สาย ขณะติดตั้ง Firefox ลองเปลี่ยนมาใช้การเชื่อมต่อกับโมเด็ม ADSL โดยตรงดูนะครับ และทั้งหมดคือแนวทางที่นายเกาเหลาเชื่อว่า น่าจะช่วยให้หมดปัญหาการติดตั้ง Firefox ไม่ได้แล้วนะครับ