วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
7 วิธีถนอมพลังงานแบตฯโน้ตบุ๊ก
ถ้าพบว่า โน้ตบุ๊กที่รัน Windows XP ของคุณมีปัญหาใช้พลังงานแบตเตอรี่หมดค่อนข้างเร็ว (กรณีนี้แบตฯ ต้องไม่เก่า หรือเสื่อมสภาพแล้วนะครับ) ทำให้ต้องคอยรีชาร์จอยู่บ่อย เทคนิค 7 ข้อต่อไปนี้น่าจะช่วยคุณได้ ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ
1. ตรวจสอบแบตเตอรี่ที่ใช้ว่ายังคงสามารถชาร์จพลังงานได้เต็ม หรือไม่? ซึ่งขั้นตอนของการทดสอบโดยทั่วไปให้ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อน (ดูจาก Power Meter ใน Power Options) จากนั้นปิดโน้ตบุ๊ก ถอดแบตเตอรี่ออก เพื่อทดสอบว่า มันยังสามารถชาร์จประจุได้เต็ม หรือไม่? โดยมองหาปุ่มที่ใช้ทดสอบที่อยู่บนแบตเตอรี่ ซึ่งบางรุ่นก็จะมีส่วนแสดงผลเล็กๆ ให้สังเกตุได้ง่าย ทั้งนี้จะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ของผู้ผลิตแต่ละเจ้า
2. ถ้าไม่จำเป็นต้องออนไลน์กับเครือข่ายใดๆ แนะนำให้ออฟไลน์จะดีกว่า (ยกเลิก (disable) การเชื่อมต่อกับเครือข่าย) การเชื่อมต่อเครือข่ายตลอดเวลาจะทำให้โน้ตบุ๊กต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ
3. ถอดอุปกรณ์ USB ออกจากพอร์ต เมื่อไม่ได้ใช้งาน
4. ยกเลิกโพรเซสแบคกราวด์ที่ไม่จำเป็นออกให้หมด อย่างเช่น Rnaap ซึ่งถูกโหลดตอนไดอัลอัพ และค้างอยู่ในหน่วยความจำ หรือ Msmsgs.exe กรณีที่คุณไม่ได้ใช้ Microsoft Messenger เป็นต้น แต่ห้ามยกเลิกโพรเซสของซอฟต์แวร์ไฟร์วอล หรือแอนตี้ไวรัส เพราะมันจะทำให้ระบบของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง นอกจากนี้ยังห้ามลบโพรเซสที่สำคัญของ Windows XP ซึ่งได้แก่ Explorer.exe, LSASS.EXE, services.exe, System และ WINLOGON.EXE ส่วนวิธีกำจัดโพรเซสที่ไม่จำเป็นให้เรียกโปรแกรม Task Manager (กดปุ่ม Ctrl-Alt-Del) แล้วคลิกแท็บ Processes เลือกโพรเซสที่ต้องการลบออกจากหน่วยความจำ คลิกปุ่ม End Process
5. เปลี่ยน Screensaver เป็น “Blank Screen” เพราะมันไม่จำเป็นเลยที่คุณต้องเสียพลังงาน เพื่อแสดงภาพดอกไม้ไฟ, ตู้ปลา หรือข้อความเลื่อนลอย
6. ถึงคุณจะไม่สามารถยกเลิกโพรเซสการทำงานของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส แต่ก็ไม่ควรกำหนดให้ซอฟต์แวร์สแกนระบบโดยสมบูรณ์ขณะที่ไม่ได้เสียบปลั๊ก เพราะมันจะทำให้พลังงานของแบตฯ หมดเร็วจนน่าใจหายเลยล่ะ (กรณีของการสแกนหาสปายแวร์ด้วย)
7. สำคัญที่สุดคือ เมื่อเวลาที่โน้ตบุ๊กไม่อยู่ในระหว่างการใช้งาน แนะนำให้ชัตดาวน์ระบบ หรืออาจจะเข้าโหมดแสตนด์บาย (standby) หรือไฮเบอร์เนต (hibernate) จะดีกว่าการเปิดเครื่องทิ้งไว้เฉยๆ เชื่อว่า หากปฏิบัติตามเทคนิคง่ายๆ ทั้ง 7 ข้อนี้แล้ว คุณจะสามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่บนโน้ตบุ๊กได้นานขึ้น ไม่ต้องชาร์จบ่อยเหมือนแต่ก่อน ลองไปทำดูนะครับ สำหรับวิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ แนะนำให้ใช้พลังงานจากแบตเตอรีให้หมดทุกครั้ง แล้วจึงชาร์จใหม่จนเต็ม และเมื่อเต็มแล้วก็ควรใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แทนการเสียบปลั๊กต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เพราะแบตฯจะเสื่อมเร็วครับ
ยืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กให้อยู่กับคุณนานๆ
ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่า อายุแบตเตอรี่ในที่นี้หมายถึง อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่พวกมันเสื่อมสภาพ (โดยไม่ได้ลุกไหม้ไปเสียก่อน) สำหรับวินทิปในตอนนี้ขอแนะนำวิธีเก็บรักษา และใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานพวกมันได้นานเท่าที่ควร
แบตเตอรี่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของโน้ตบุ๊ก เพราะถ้าขาดมัน หรือใช้แบตฯที่เสื่อมสภาพ (ชาร์จนานแต่หมดไว) คงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุด ซึ่งความจริงของชีวิตที่คุณปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันก็คือ โน้ตบุ๊กส่วนใหญ่รวมถึงอุปกรณ์พกพาอิเล็กทรอนิกส์ต่างก็ใช้แบตเตอรี่ที่เป็นลิเธียมอิออน (Li-ion) กันแทบทั้งนั้น โดยแบตฯ พวกนี้จะเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลาตั้งแต่วันผลิต และจะเสื่อมลงไปอย่างต่อเนื่องตามจำนวนครั้งของการชาร์จ ประเด็นก็คือ ราคาของแบตเตอรี่พวกนี้ค่อนข้างสูงพอสมควร ซึ่งหากเปรียบเทียบการเปลี่ยนแบตเตอรี่กับการหาวิธียืดอายุให้พวกมันใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนอย่างหลังจะน่าสนใจกว่ามาก ข้อเท็จจริงต่อไปนี้จะช่วยให้ทุกท่านมีวิธีที่จะดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่กับคุณได้นานขึ้นครับ สำหรับศัตรูตัวแรกของแบตเตอรี่ Li-Ion ก็คือ "ความร้อน" ยกตัวอย่างผลการทดสอบที่ออกมาพบว่า แบตเตอรี่ Li-ion ที่ได้รับการชาร์จไฟปกติ และถูกใช้งานที่ระดับอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียสจะมีความสามารถเก็บประจุได้ลดลงแค่ 2% เท่านั้น เมื่อใช้งานไป 1 ปี และความสามารถในการเก็บประจุจะลดลงเป็น 6% ในปีที่ 2 แต่นั่นคงเฉพาะผู้ใช้โน้ตบุ๊กแถวบริเวณขั้วโลกเหนือ (หรือใต้) เท่านั้น เพราะหากพิจารณาที่อุณหภูมิห้อง 25 องศาเซลเซียส (ติดแอร์) แค่ปีแรก ความสามารถในการเก็บประจุของแบตเตอรี่ก็จะตกลงไปถึง 4% และจะลดฮวบลงไปถึง 20% ในปีที่สอง การดิสชาร์จประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่จนแทบไม่เหลือ (ใช้แบตฯจนหยดสุดท้าย) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อายุใช้งานของพวกมันสั้นลง โดยการชาร์จ และดิสชาร์จจนหมดประมาณ 100 ครั้ง จะลดความสามารถในการเก็บประจุของแบตเตอรี่ลงไปได้มากถึง 75% เลยทีเดียว กล่าวโดยสรุป สำหรับวิธีที่ดีทีสุดที่จะช่วยคุณยืดอายุใช้งานแบตเตอรี่ให้ได้ยาวนาน 3 – 5 ปี ก็คือ ข้อแรก พยายามให้แบตเตอรี่ได้อยู่ในที่เย็น อย่าเก็บโน้ตบุ๊กไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้ง ข้อต่อมา พยายามรักษาระดับการชาร์จประจุไว้ที่ 40% – 50% อย่าให้เหลือน้อยกว่านี้แล้วจึงชาร์จ ในกรณีที่คุณมีแบต 2 ก้อนสลับกันใช้ สำหรับก้อนที่ยังไม่ได้ใช้งานอาจเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ไม่ถึงกับต้องไว้ในช่องแช่แข็งนะครับ โดยห่อหุ้มด้วยวัสดุป้องกันความชื้น ซึ่งหลังจากนำออกมาตู้เย็น ให้รอจนมันมีอุณหภูมิเท่ากับห้องก่อนใช้งาน แบตเตอรี่ของคุณจะแข็งแรงมีอายุใช้งานนานขึ้น (หมายถึง เสื่อมช้าลงนั่นเอง) อ้อ...และถ้าคุณมีความจำเป็นต้องซื้อแบตเตอรี่ใหม่ อย่าลืมตรวจสอบวันผลิตด้วย ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการซื้อแบตเตอรี่ที่ตกค้างในสต๊อก และอย่าลืมตรวจสอบหมายเลขซีเรียลของแบตฯด้วยว่า ไม่ตรงกับชุดแบตเตอรี่ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วยนะครับ
วินโดวส์ต้องการหน่วยความจำเสมือน?
Virtual memory หรือหน่วยความจำเสมือน ซึ่งถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมาตามฟังก์ชันของมันแล้ว ผมว่า น่าจะเรียก “หน่วยความจำสำรอง” มากกว่า เนื่องจากเวลาที่คอมพิวเตอร์ใช้หน่วยความจำหลักที่มากับเครื่อง (RAM: Random Access Memory) ไปจนเกือบหมดแล้ว ระบบปฏิบัติการก็จะใช้วิธียืมพื้นที่บางส่วนของฮาร์ดดิสก์ (ราคาถูกกว่าหน่วยความจำ แต่ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลช้ากว่า) มาใช้แทนหน่วยความจำที่ระบบต้องการ กรณีที่คอมพิวเตอร์มีความจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำเสมือนมากๆ จะทำให้ทั้งระบบทำงานได้ช้ามาก เพราะมันต้องคอยลบ และเขียนข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์แทนหน่วยความจำหลัก แถมยังมีเสียงรบกวนเนื่องจากการทำงานของฮาร์ดดิสก์อีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม หน่วยความจำเสมือนไม่ได้เป็นสิ่งไม่ดีนะครับ เนื่องจากระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่จะทำงานในระบบหลายงาน (multitasking) ซึ่งระบบจะทำงานโดยจับแอพพลิเคชันที่คุณกำลังใช้ไว้ใน RAM เพื่อให้ทำงานได้เร็ว ในขณะที่โยนแอพพลิเคชันที่คุณยังไม่ได้ใช้ขณะนั้นไว้บนฮาร์ดดิสก์ (บริเวณที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยความจำเสมือน) ก่อนที่จะสลับมันมาลงหน่วยความจำหลัก (RAM) อีกทีหนึ่ง เมื่อคุณเรียกใช้โปรแกรมนั้นๆ ประเด็นก็คือ เมื่อคุณจำเป็นต้องรันโปรแกรมหลายตัว และต้องเรียกใช้งานกลับไปกลับมาบ่อยครั้ง คุณจะรู้สึกเบื่อกับการรอคอยให้โปรแกรมแต่ละตัวสลับกันเข้าออกจากหน่วยความจำหลักกับหน่วยความจำเสมือน (ฮาร์ดดิสก์) อย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย
สำหรับวิธีปัญหาที่เกิดขึ้นก็คุณอย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การติดตั้งหน่วยความจำหลักเข้าไปในระบบ เนื่องจากระบบกำลังเตือนว่า ขนาดของหน่วยความจำเสมือนที่กำหนดไว้ไม่พอแล้ว ซึ่งปกติคอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows XP หรือ Mac OS X ควรจะมีหน่วยความจำอย่างน้อย 512MB อย่างไรก็ตาม ก่อนติดตั้ง RAM เพิ่มเติม อยากให้สแกนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณก่อนด้วยว่า ไม่ได้ถูกแอบเขมือบหน่วยความจำโดยไวรัส สปายแวร์ หรือแอดแวร์ต่างๆ เพราะไม่งั้น การแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นก็เป็นได้ ขอให้โชคดีในการแก้ปัญหานะครับ
ปัญหาคอมพ์อืด...บู๊ตนาน 5 นาที!!!

การตรวจสอบในลักษณะนี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสทราบได้ว่า รายการใดที่ยกเลิกแล้ว คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถบู๊ตเครื่องได้เร็วขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณพบตัวการของปัญหาแล้ว ให้คลิกแท็บที่มีชื่อตรงกัน ซึ่งภายในแท็บดังกล่าวก็จะมีรายการต่างๆ ที่ถูกโหลดในขั้นตอนการบู๊ตอีกจำนวนหนึ่ง ให้คุณทดลองเหมือนขั้นตอนแรก กล่าวคือ คลิกยกเลิกทีละรายการแล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่ จนกว่าจะพบตัวการที่ทำให้บู๊ตเครื่องช้ามาก ถ้าคุณไม่ทราบชื่อของรายการที่เป็นตัวการ ลองค้นหาใน Google และหากเครื่องคอมพิวเตอร์บู๊ตได้เร็วเป็นปกติเหมือนแต่ก่อน ก็แนะนำให้ยกเลิกเช็คบ๊อกซ์ตัวการนั้นซะ หากคุณทดลองทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว คอมพิวเตอร์ของคุณยังคงบู๊ตช้าเหมือนเดิม ก็คงได้เวลาล้างท่อแล้วล่ะครับ
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552
windows: อยากอัพเกรดใช้ Windows 7

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552
windows: ป้องกันใครแอบเขียนแผ่นซีดี
ตอบ: สงสัยหนูคงจะเอือมสุดๆ กับน้องชายเต็มที สำหรับวิธีป้องกันที่ถามมานั้นไม่ยากครับ เพียงแต่ต้องทำอย่างใจเย็นนิดนึง เนื่องจากมันเข้าไปยุ่งกับรีจิสทรี (registry) ของระบบปฏิบัติการ ซึ่งหลังจากแก้ไขตามขั้นตอนข้างล่างนี้แล้ว น้องชายตัวแสบของน้องจะไม่สามารถเขียนแผ่นได้อีกต่อไป จนกว่าจะแก้กลับเป็นเหมือนเดิม สำหรับวิธียกเลิกฟังก์ชันการเขียนและบันทึกแผ่นดีวิดี/ซีดี มีขั้นตอนดังนี้
1. กดปุ่ม Windows + R พิมพ์คำสั่ง regedit แล้วกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
2. คลิกเข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USER Software Microsoft Windows CurrentVersion Policies Explorer
3. ในกรอบด้านขวามือ เลื่อนพอยน์เตอร์เมาส์ไปที่บริเวณว่างๆ แล้วคลิกขวา เลือกคำสั่ง New ตามด้วย DWORD (32-bit) Value จากนั้นตั้งชื่อคีย์ว่า NoCDBurning

4. ดับเบิ้ลคลิ้กบนรายการที่สร้างขึ้นมา ในช่อง Value data: ให้ป้อนค่า 1 เข้าไป แล้วคลิ้กปุ่ม OK

ทิปจาก : www.arip.co.th
Hardware: RAM เสีย? วิสต้าเช็คได้


เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา มันจะมีทางเลือกในการตรวจสอบ 2 แบบคือ รีสตาร์ทเครื่องเพื่อตรวจสอบ RAM เลย หรือให้มีการทดสอบในครั้งต่อไปดังรูป สำหรับผู้ใช้ Windows XP ที่กำลังพบปัญหาเดียวกันนี้ก็สามารถดาวน์โหลด Memory Diagnostics Tool ได้จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์
ทิปจาก : www.arip.co.th